อีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญภาวะ *ขาลงทางเทคนิค* อย่างชัดเจน หลังปรับตัวลดลงแรงกว่า *7.5%* ภายในสัปดาห์เดียว โดยล่าสุดได้หลุดลงต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ ซึ่งส่งสัญญาณว่าราคาอาจมีแนวโน้มปรับฐานลงต่อในระยะสั้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เช่น บรรยากาศ *ลดความเสี่ยง (De-risking)* ในตลาดการเงินโลก เป็นตัวกระตุ้นการเทขายในครั้งนี้
ข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ว่า อีเธอเรียมหลุดจาก ‘รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร’ ซึ่งก่อตัวมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และสูญเสียแนวรับที่เคยมีอยู่ ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า ETH อาจปรับลงเพิ่มอีกสูงสุดถึง *15%* โดยระดับแนวรับถัดไปอยู่ที่ *3,560 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 4.95 ล้านบาท) หากเกิดแรงขายต่อเนื่อง อาจกดดันให้ราคาต่ำลงจนเกิดภาวะ ‘ขายเกิน’ ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวได้
จากแผนภูมิเชิงเทคนิคของ TradingView ระบุว่า จุดรองรับสำคัญในปัจจุบันอยู่บริเวณเส้นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งหากราคาทะลุใต้ระดับนี้ลงอีก ก็อาจนำไปสู่การปรับฐานที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้อาจกลายเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนสายชอร์ตหรือนักลงทุนระยะยาวที่รอจังหวะเข้าซื้อ
แต่มิติที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ปัจจัยที่กระทบไม่ได้จำกัดแค่ในฝั่งคริปโตเพียงอย่างเดียว ภาวะไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสหรัฐ, ประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ *ทรัมป์*, และท่าทีคลุมเครือของธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย ล้วนเป็นปัจจัยเสียงเชิงมหภาคที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม รวมถึง *บิตคอยน์(BTC)* และเหรียญหลักอื่น ๆ ที่ต่างปรับตัวตามทิศทางเชิงลบของตลาด
นักวิเคราะห์เตือนว่า หาก ETH ไม่สามารถยืนเหนือเส้น 3,560 ดอลลาร์ได้ ก็มีความเสี่ยงที่ราคาจะลดลงต่อไปยังระดับ *3,300 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 4.59 ล้านบาท) ในทางกลับกัน หากระดับ 3,560 ดอลลาร์กลายเป็นฐานรองรับที่แข็งแกร่งและเกิดแรงซื้อกลับอย่างชัดเจน ก็อาจเป็น *จุดเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด* ได้เช่นกัน
ในช่วงเวลาแบบนี้ การจับตาการป้องกันแนวรับทางเทคนิคควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของสภาพจิตวิทยาการลงทุนในตลาด โดยรวมจึงเป็นประเด็นสำคัญว่าราคาอีเธอเรียมจะเคลื่อนไปทิศทางใดในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0