บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.01 ล้านบาท) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงประมาณ 13% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124,500 ดอลลาร์ (ราว 17.30 ล้านบาท) ทำให้เกิดความกังวลว่า *รอบตลาดขาขึ้นอาจจบลงแล้ว* อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายกลับมองว่าตลาดยังไม่ได้เริ่มต้นช่วงเร่งตัวขึ้นด้วยซ้ำ โดยประเมินว่า ราคาสามารถพุ่งไปได้ถึง 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 20.85 ล้านบาท) หรือแม้กระทั่ง 300,000 ดอลลาร์ (ราว 41.7 ล้านบาท) ในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากบิตคอยน์สามารถ ‘*ทะลุแนวต้านสำคัญ*’ ในช่วง 112,000–114,000 ดอลลาร์ (ราว 15.56–15.84 ล้านบาท) ได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสที่ราคาจะพุ่งขึ้นต่อไปยังระดับ 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 19.46 ล้านบาท) ได้อย่างรวดเร็ว
การเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิมก็น่าสนใจเช่นกัน ขณะที่ทองคำและดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังคงทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง บิตคอยน์กลับดูเหมือนกำลังรับมือกับภาวะขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก *Milk Road Macro* ระบุว่า บิตคอยน์มักจะ *เคลื่อนไหวตามราคาทองคำด้วยระยะห่างเฉลี่ยราว 3–4 เดือน* ซึ่งพบว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวของคู่ลงทุนทองคำ/ดอลลาร์ และบิตคอยน์/ดอลลาร์ ต่างแสดงลักษณะ ‘ลิ่มขาขึ้น’ (rising wedge) และทองคำก็สามารถฝ่าวงล้อมดังกล่าวได้สำเร็จเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
บิตคอยน์ก็ดูจะเดินตามรอยเช่นกัน โดยตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ได้แสดงพฤติกรรมในลักษณะ ‘ขึ้น → พักฐาน → พุ่งขึ้นสุดท้าย’ ซึ่งหากรูปแบบนี้ยังคงอยู่ เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ก็มีโอกาสสูงที่ *บิตคอยน์จะแตะเส้นต้านบนของลิ่มและเร่งตัวครั้งสุดท้ายอีกครั้ง*
เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของทองคำและตลาดหุ้น จึงไม่อาจมองข้ามได้ว่า *บิตคอยน์อาจกำลังสะสมพลังเพื่อทะยานต่อใหม่อีกครั้ง* หากสามารถฝ่าแนวต้านที่ตลาดจับตาอยู่ได้สำเร็จ ก็อาจได้เห็นการท้าทายจุดสูงสุดอีกระลอกในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0