ตลาด ETF อีเธอเรียม(ETH) สหรัฐฯ เผชิญแรงเทขายหนัก หลังบันทึกการถอนเงินกว่า 232.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,235 พันล้านวอน) ภายในวันเดียว ความกังวลในหมู่นักลงทุนเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางการร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดคริปโตช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อีทีเอฟคริปโตเริ่มเข้าสู่ภาวะซบเซาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อวันที่ 17 ตามเวลาท้องถิ่น SoSoValue เปิดเผยข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์ ETF อีเธอเรียมชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง ETHA ของแบล็คร็อก(BLK) มีเงินทุนไหลออกสูงถึง 146 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,030 พันล้านวอน) *กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขาดทุนมากที่สุดในรอบวัน* ขณะที่ FETH ของฟิเดลิตีสูญเสียไป 30 ล้านดอลลาร์ และ ETHE ของเกรย์สเกลมีเงินไหลออกอีก 26 ล้านดอลลาร์ ส่วน ETF จากบิทไวส์และแวนเอ็คก็ประสบปัญหาในทำนองเดียวกัน โดยมีการลดลงของสินทรัพย์มูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์
การไหลออกของเงินจำนวนมากครั้งนี้ ถือเป็น *สัปดาห์ที่ขาดทุนสูงสุดอันดับห้าตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ETF ดังกล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024* และยังเป็นการร่วงลงที่รุนแรงที่สุดอันดับสามในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ETF จากแฟรงคลิน เทมเพิลตัน, 21Shares และอินเวสโก ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในมูลค่ารวม (TVL) แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพที่มากกว่าเมื่อเทียบกับรายอื่น
ขณะเดียวกัน ตลาด ETF บิตคอยน์(BTC) ก็เผชิญกับแรงขายอย่างหนักเช่นกัน โดยในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด รายงานเผยว่ามีเงินทุนไหลออกสูงถึง 367 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,103 พันล้านวอน) *สร้างสถิติการขาดทุนรายสัปดาห์มากที่สุดเป็นอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ของตลาด* โดยในช่วงเวลาเพียง 10 วัน มูลค่าทรัพย์สินรวมของ ETF บิตคอยน์ลดลงประมาณ 13%
ในแง่ของราคา อีเธอเรียมยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ โดยลดลงถึง 13% ภายในสองวัน ดันราคาหล่นต่ำกว่า 3,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 514,000 บาท) แม้จะมีความพยายามฟื้นตัว แต่กลับเจอแนวต้านที่ 3,923 ดอลลาร์ (ประมาณ 546,000 บาท) และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ ด้านบิตคอยน์ยังคงยืนเหนือระดับแนวรับ 105,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านบาท) ได้อย่างหวุดหวิด
สาเหตุของตลาดคริปโตที่ร่วงลงครั้งนี้คาดว่า เกิดจากการล่มสลายของตลาดตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้นักลงทุนลดความชื่นชอบในความเสี่ยงลงอย่างรวดเร็ว *ความคิดเห็น* จากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความผันผวนในระยะสั้นอาจเพิ่มขึ้นอีก และ *แนวโน้มการไหลออกของเงินทุนจาก ETF มีโอกาสยืดเยื้อในระยะถัดไป*
ความคิดเห็น 0