แพลตฟอร์มตลาดคาดการณ์ของสหรัฐฯ อย่างโพลีมาร์เก็ต(Polymarket) เตรียม ‘กลับมาให้บริการซื้อขายในสหรัฐฯ ช่วงเดือนพฤศจิกายน’ ตามรายงานล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ (CFTC) ได้ออกจดหมาย “ไม่มีการดำเนินคดี (No-Action Letter)” ให้กับแพลตฟอร์มซื้อขายตราสารอนุพันธ์คริปโตและศูนย์ชำระบัญชีที่โพลีมาร์เก็ตเข้าซื้อเมื่อสองเดือนก่อน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ปูทางให้โพลีมาร์เก็ตกลับมาให้บริการอย่างถูกกฎหมายภายในประเทศ
จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวผ่าน Bloomberg เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า โพลีมาร์เก็ตจะเริ่มด้วยการ ‘จำกัดการให้บริการซื้อขายแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ’ เป็นกลุ่มแรก และมีแผนจะขยายบริการไปสู่ตลาดเดิมพันด้านกีฬาในลำดับถัดไป ขณะนี้บนเว็บไซต์ของโพลีมาร์เก็ตได้เปิดให้ลงชื่อเข้ารอใช้งาน โดยระบุข้อความว่า “เร็วๆ นี้จะให้บริการสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ”
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โพลีมาร์เก็ตระดมทุนได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,780 ล้านบาท โดยมีการประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.39 หมื่นล้านบาท รายงานหลายฉบับชี้ว่าหากบริการในตลาดสหรัฐฯ คืบหน้าไปได้ดี โพลีมาร์เก็ตอาจมีมูลค่าเพิ่มสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นราว 1.39 แสนล้านบาท
ในอีกด้านหนึ่ง เซอร์เคิล(Circle) ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ USDC ได้เปิดตัว *เครือข่ายบล็อกเชนของตนเองภายใต้ชื่อ ‘อาร์ค’ (Arc)* ในเวอร์ชันทดสอบสาธารณะ โดยมีบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่มากกว่า 100 รายเข้าร่วมในฐานะพันธมิตรแรกเริ่ม อาทิ แบล็คร็อก, โกลด์แมน แซคส์, วีซา และมาสเตอร์การ์ด
เจเรมี อัลแลร์(Jeremy Allaire) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซอร์เคิลกล่าวว่า “การเปิดตัวเครือข่ายทดลองของอาร์คเป็นสัญญาณว่าบริษัทการเงินระดับโลก ซึ่งมีผู้ใช้หลายพันล้านคน กำลังเริ่มต้นสร้างและทดสอบระบบภายในบล็อกเชนอย่างจริงจัง โดยอาร์คถูกออกแบบมาเพื่อจัดการสินทรัพย์และการชำระเงินมูลค่าหลายร้อยล้านล้านดอลลาร์ให้อยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน”
สำหรับอาร์ค เป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ที่เน้นการใช้งานเชิงการเงินผ่านคุณสมบัติต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมตามเหรียญ USDC, การยืนยันธุรกรรมในระดับวินาที และระบบควบคุมความเป็นส่วนตัว โดยตั้งเป้าว่าจะรองรับการใช้งานในด้าน *การชำระเงินโลก, การแลกเปลี่ยนเงินตรา, การให้กู้ยืม และตลาดทุนทั่วโลก*
นอกจากนี้ ยังมีองค์กรทางการเงินรายใหญ่รายอื่นๆ ที่เข้าร่วมการทดสอบนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อพอลโล, ธนาคารนิวยอร์กเมลลอน(BNY Mellon), บริษัทตลาดหลักทรัพย์ ICE, ดอยช์แบงก์ ตลอดจนบริษัทด้านการชำระเงินอย่าง เพย์เซฟ(Paysafe) และนูเวย์(Nuvei)
ขณะเดียวกันในรัฐสภาสหรัฐฯ กำลังมีการหารือถึง **ร่างกฎหมายที่จะห้ามประธานาธิบดีทรัมป์ ครอบครัวของเขา และเจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งทำการซื้อขายคริปโตและหุ้น** โดยมีจุดประสงค์เพื่อตัดประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในหมู่การเมือง หากร่างกฎหมายผ่านการอนุมัติ อาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดในระดับที่ไม่อาจมองข้ามได้ตาม "ความคิดเห็น" จากแหล่งข่าวภายในวงการ
ความคิดเห็น 0