วิกฤตการณ์ ‘ชัตดาวน์’ ของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ยืดเยื้อได้เพิ่มระดับความไม่แน่นอนในทั้งตลาดการเงินโลกและตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ AM Management สถานการณ์ทางการเงินของสหรัฐที่เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์เต็มรูปแบบจากการที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวได้ กำลังจะกลายเป็นการปิดตัวของรัฐบาลครั้งที่สองที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อข้อมูลสถิติเศรษฐกิจสำคัญ และทำให้การตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)กลายเป็นสิ่งที่ยากยิ่งขึ้น
รายงานชี้ว่า ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ความวุ่นวายทางการคลัง แต่ยังกระตุ้นความเสี่ยงแบบ ‘สองเด้ง’ ทั้งจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเฉพาะ ‘ภาษีนำเข้า’ ที่กลายเป็นหนึ่งในต้นเหตุของต้นทุนชีวิตที่สูงขึ้น โดยคิดเป็นกว่า 10% ของเงินเฟ้อทั้งหมด รายได้ที่แท้จริงของผู้บริโภคจึงลดลง และภาระในการบริโภค การจ้างงาน และการลงทุนได้ตกอยู่กับภาคเอกชนมากขึ้น
ท่ามกลางความไม่แน่นอนในระดับมหภาค เหตุการณ์สำคัญที่หลายฝ่ายจับตาคือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด(FOMC)ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 29 ตุลาคม AM Management ระบุว่า ครั้งนี้เป็นสถานการณ์พิเศษที่เฟดต้องตัดสินใจโดยไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจในมือ ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 4.25% โดยนักลงทุนประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยสูงถึง 96.7% อย่างไรก็ตาม จุดสนใจกลับตกอยู่ที่ ‘ทิศทางคำพูด’ ของเฟดมากกว่านโยบายจริง
ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวขึ้น 6.6% ในรอบสัปดาห์ ปิดที่ 114,890 ดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งมาจากความคาดหวังเรื่องการผ่อนปรนภาษีระหว่างการประชุมผู้นำสหรัฐ-จีน ซึ่งได้ฟื้นความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์อยู่ใกล้แนวต้านสำคัญที่ 116,000 ดอลลาร์ และการปรับตัวต่อไปจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินใหม่ที่จะไหลเข้ามา ดัชนีครองตลาด (Dominance) ของบิตคอยน์ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 59.6% ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ก็ฟื้นตัวเช่นกัน โดยดัชนีครองตลาดเพิ่มขึ้น 1 จุดเปอร์เซ็นต์เป็น 13.1%
ข้อมูลการลงทุนใน ETF ยังสะท้อนถึงสภาพจิตวิทยาตลาด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ETF บิตคอยน์จดทะเบียนในสหรัฐมีเงินไหลเข้าสุทธิราว 446 ล้านดอลลาร์ ผลักดันยอดการถือครองรวมสู่ระดับ 1.53 ล้าน BTC หรือประมาณ 7.3% ของอุปทานทั้งหมด ในทางตรงกันข้าม ETF อีเธอเรียมแบบสปอตกลับมีเงินไหลออกถึง 244 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของนักลงทุนที่กลับเข้าหาบิตคอยน์เป็นหลัก
จากมุมมองด้านเทคนิค บิตคอยน์สามารถดีดตัวขึ้นในระยะสั้น แต่เมื่อขึ้นไปแตะระดับ 111,900 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดที่มีช่องว่างราคาของ CME แล้ว ความเสี่ยงในการย่อตัวระยะสั้นก็เพิ่มขึ้น AM Management เตือนว่า ควรเน้นกลยุทธ์เข้าซื้อในช่วงพักฐานมากกว่าการไล่ราคาสูง โดยมองว่าการเข้าสะสมในช่วงปรับฐานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ การฟื้นตัวของอีเธอเรียมและโซลานา(SOL) ก็อาจเป็นสัญญาณของวัฏจักรการหมุนเวียนของทุนในตลาดอัลท์คอยน์รอบใหม่
ในภาพรวม สัปดาห์นี้ตลาดต้องเผชิญกับตัวแปรหลายด้าน ทั้งการยืดเยื้อของชัตดาวน์ ความไม่ชัดเจนของนโยบายการเงิน สถานการณ์ภาษี และรายงานผลประกอบการจากบริษัทจดทะเบียน แม้ตลาดคริปโตจะได้แรงหนุนจากการคลี่คลายเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการไหลเข้าใน ETF แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ต้องใช้ ‘กลยุทธ์เชิงระวัง’ เป็นหลัก ‘ความระมัดระวัง’ ถือเป็นกุญแจสำคัญในสัปดาห์นี้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าลงทุนในตลาดที่ยังมีความเปราะบางสูง.
ความคิดเห็น 0