บิตคอยน์(BTC) ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยร่วงต่ำกว่า 84,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน หลังจากตลาดสหรัฐเปิดทำการ แรงขายก็เพิ่มขึ้น จนราคาดิ่งลงไปแตะ 83,500 ดอลลาร์ในบางช่วง
ปัจจัยที่กดดันตลาดในครั้งนี้มาจาก ‘ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก’ และ ‘สถานการณ์ทางการค้าของทรัมป์’ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง สะท้อนให้เห็นได้จากการไหลออกของเงินทุนจาก ‘บิตคอยน์ ETF’ ซึ่งกองทุนบิตคอยน์ ETF ที่มีฐานในสหรัฐบันทึกการไหลออกติดต่อกัน 8 ใน 9 วัน โดยมีมูลค่าการไหลออกสูงสุดต่อวันถึง 938 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท)
อีกหนึ่งสัญญาณเชิงลบคือ ‘ปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกโอนไปยังกระดานเทรด’ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนกำลังเตรียมขาย อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘บิตเม็กซ์’ เตือนว่าหากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ ราคาบิตคอยน์อาจร่วงไปสู่ระดับ 70,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการคืนกำไรจากการพุ่งขึ้นหลัง ‘การเลือกตั้งสหรัฐ’ ครั้งที่ผ่านมาเกือบทั้งหมด
สำหรับ ‘ตลาดคริปโตโดยรวม’ ก็อยู่ในภาวะขาลงเช่นกัน โดยอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), ไบแนนซ์คอยน์(BNB) และริปเปิล(XRP) ต่างก็เผชิญการปรับฐานลดลง ทั้งนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการบังคับชำระบัญชี(Liquidation) เกิดขึ้นรวมกันกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ‘ไลต์คอยน์(LTC)’ กลับสวนกระแสตลาด โดยสามารถทำกำไรเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ด้วย ‘แรงกดดันจากตลาด’ และ ‘ความเสี่ยงจากการปรับฐานเพิ่มเติม’ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์อย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0