แรงขายจากฝั่งผู้ถือครองบิตคอยน์(BTC) โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว กำลังกลายเป็นปัจจัยถ่วงราคาสำคัญในตลาด รวมถึงสัญญาณของ ‘การขายด้วยความผิดหวัง’ ที่เริ่มชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามท่ามกลางภาวะนี้ สถาบันการเงินและกองทุน ETF กลับยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อตลาด ด้วยการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานกลายเป็นประเด็นใหม่ที่น่าจับตา
คริส คูเปอร์(Chris Kuiper) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Fidelity Digital Assets เปิดเผยว่า จากข้อมูลล่าสุดพบว่า กลุ่มที่ถือครองบิตคอยน์เกิน 1 ปีคือผู้ที่เริ่มทยอยขายออกมากที่สุดในระยะนี้ โดยไม่ได้เกิดจากการเทขายทันทีในปริมาณมหาศาล แต่เป็นลักษณะของการขายออกอย่างช้าๆ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พึงพอใจต่อทิศทางราคาที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
“เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนมักเป็นช่วงขาขึ้นของราคาตามฤดูกาล แต่ปีนี้กลับไม่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มขายเพื่อนำกำไรมาใช้ ปรับพอร์ต หรือชำระภาษีปลายปี” คูเปอร์กล่าว พร้อมชี้ว่า ความไม่สอดคล้องระหว่าง ‘ปัจจัยพื้นฐานที่ดี’ กับ ‘ราคาที่ไม่กระเตื้อง’ คือแรงจูงใจหลักที่ทำให้นักลงทุนระยะยาวเริ่มหมดความอดทน
ในขณะที่แรงขายยังคงดำเนินต่อไป ฝั่งซื้อกลับมีแรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันและ ETF อย่างชัดเจน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันที่ 24 อีริก บัลชูนาดส(Eric Balchunas) นักวิเคราะห์ ETF ระบุว่า มีเงินทุนไหลเข้ากองทุนบิตคอยน์ ETF ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 17,000 ล้านบาท ภายในวันเดียว ซึ่งช่วยพยุงตลาดไม่ให้เข้าสู่ภาวะดิ่งลึกมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ซามูเอล โมว์(Samson Mow) เตือนว่าการเข้าตลาดของนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ อาจนำไปสู่แรงขายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหากมีข่าวลือว่า 'นักลงทุน OG' หรือผู้ถือต้นฉบับเริ่มเทขายจำนวนมาก ความตื่นตระหนกอาจนำไปสู่ปรากฏการณ์ขายต่อเนื่องในวงกว้าง
ระยะสั้น ตลาดบิตคอยน์อาจเคลื่อนไหวแบบผันผวนจากแรงขายของนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการล็อกกำไร กับแรงซื้อจากสถาบันที่ยังเชื่อมั่นในมูลค่าระยะยาว คำถามสำคัญคือ แรงผลักดันใดจะกลายเป็นตัวจุดประกายความเชื่อมั่นรอบใหม่ให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0