หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารระดับโลกกำลังพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโตที่ถือว่ามีความเข้มงวดที่สุดในปัจจุบัน หลังจาก *สหรัฐฯ* และ *สหราชอาณาจักร* แสดงท่าทีไม่ยอมรับแนวทางเดิมของคณะกรรมการบาเซิล ซึ่งอาจเขย่าข้อตกลงก่อนหน้านี้ของหน่วยงานดังกล่าว
**อีริก เธเดน**, ผู้ว่าการธนาคารกลางสวีเดนและประธาน *คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของบาเซิล (BCBS)* เปิดเผยกับ *Financial Times* เมื่อวันที่ 24 ว่าหลักเกณฑ์ความเสี่ยงที่ใช้กับคริปโตในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการกำหนด ‘น้ำหนักความเสี่ยง(Risk Weight) ที่ 1,250%’ ต่อลงทุนในคริปโต อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงอีกต่อไป โดยเขาระบุว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบัน อาจจำเป็นต้องมีแนวทางใหม่เข้ามาแทน”
ตามรายงานจากสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ White & Case กฎความเสี่ยง 1,250% ที่ว่านี้ หมายความว่า *ธนาคารจะต้องกันเงินทุนสำรองเท่ากับยอดการลงทุนในคริปโตทั้งหมด* ซึ่งเทียบเท่ากับการจัดให้คริปโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดตามมาตรฐานทางการเงิน
แต่ปัญหาคือ กฎดังกล่าวใช้ครอบคลุมถึง *สเตเบิลคอยน์* บนบล็อกเชนแบบ ‘ไร้การอนุญาต’ เช่น *USDT* และ *USDC* ด้วย ถึงแม้ว่าในช่วงหลังจะมีการออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่เป็นมิตรกับกฎระเบียบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสร้างคำถามว่า กฎครอบจักรวาลแบบนี้ยังสอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาดหรือไม่
“สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก” เธเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า “ตลาดสเตเบิลคอยน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่า ควรจัดการกับสินทรัพย์ประเภทนี้อย่างไร” เขากล่าวอีกด้วยว่า “ความเสี่ยงของสเตเบิลคอยน์คืออะไร? และการใช้แนวทางกำกับเดียวกันกับคริปโตประเภทอื่นนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่? เราต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง”
แม้หน่วยงานกำกับดูแลจะยังคงยืนกรานความระมัดระวังในภาพรวมของสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ก็แสดงชัดว่าจะไม่เพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาด หาก *คณะกรรมการบาเซิล* มีมติผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในอนาคต อาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของตลาดคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0