อดัม แบ็ค(Adam Back) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Blockstream ออกมาวิจารณ์นิค คาร์เตอร์(Nic Carter) หุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Castle Island Ventures อย่างเข้มข้น หลังจากคาร์เตอร์โพสต์ข้อความบน X แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่อาจคุกคามความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC)
“คุณกำลังสร้างเสียงรบกวนที่ไม่ให้ข้อมูลจริง และพยายามปั่นราคาอะไรบางอย่าง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย” แบ็คโพสต์ข้อความตอบคาร์เตอร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังคาร์เตอร์อธิบายเหตุผลที่ Castle Island Ventures ลงทุนใน Project Eleven สตาร์ทอัพที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อสินทรัพย์คริปโต
แบ็คย้ำว่าชุมชนบิตคอยน์ไม่ได้ปฏิเสธความสำคัญของการวิจัยทางด้านนี้ แต่กลับทำงานในเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ ต่างหาก
ความคิดเห็นที่แตกต่างของทั้งสองทำให้เกิดกระแสถกเถียงในชุมชนอีกครั้ง โดยคาร์เตอร์โต้กลับว่า “นักพัฒนาบิตคอยน์จำนวนมากยังคง ‘ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง’ ว่าภัยจากควอนตัมนั้นเป็นเรื่องจริง”
แม้การลงทุนใน Project Eleven จะเพิ่งกลายเป็นที่สนใจในชุมชนบิตคอยน์เมื่อไม่นานมานี้ แต่คาร์เตอร์ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมผ่านบทความใน Substack โดยระบุอย่างชัดเจนตั้งแต่ประโยคแรกว่า “ผมเปิดเผยเรื่องนี้ทันทีแบบโปร่งใสที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ในบทความเดียวกัน คาร์เตอร์ยังยอมรับว่าเขาถูก “เปลี่ยนความคิดด้วยควอนตัม” โดยอเล็กซ์ พรูเดน(Alex Pruden) ซีอีโอของ Project Eleven ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขา ‘เชื่อมั่น’ ในภัยที่กำลังจะมาถึง
เขากล่าวว่า “ผมเริ่มวิตกเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการโจมตีของควอนตัมที่มีต่อบล็อกเชน ผมจึงลงเงินตามความเชื่อ และทำแบบนั้นเสมอมา” พร้อมเสริมว่า “ผมรู้ว่าจะต้องมีการโจมตีด้วยเจตนาร้ายเกิดขึ้น จึงเปิดเผยสถานะทางการเงินของผมให้ชัดเจนตั้งแต่แรก”
คาร์เตอร์ชี้ให้เห็นเหตุผลหลายประการที่ว่าทำไมควอนตัมถึงเป็นภัยคุกคาม เช่น แผนของรัฐบาลที่เตรียมพร้อมสำหรับโลกหลังควอนตัม การที่บิตคอยน์กลายเป็นเป้าหมายมูลค่ามหาศาล และการที่เงินลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่บริษัทควอนตัม
นอกจากคาร์เตอร์แล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านบิตคอยน์คนอื่นที่ออกมาเตือนต่อสาธารณชนเช่นกัน ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดส์(Charles Edwards) ผู้ก่อตั้ง Capriole Investments โพสต์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า บิตคอยน์อาจมีความเสี่ยงอย่างจริงจังจากควอนตัมได้ภายใน 2 ถึง 9 ปี ทั้งนี้เงื่อนไขคือเครือข่ายต้องยังไม่เปลี่ยนไปใช้ระบบเข้ารหัสที่ต้านทานควอนตัม
แต่ก็มีบางเสียงที่มองต่างออกไป เควิน โอเลียรี่(Kevin O’Leary) ผู้ประกอบการระดับเศรษฐี พูดกับ Cointelegraph Magazine ว่า การใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมโจมตีบิตคอยน์อาจไม่ใช่การใช้งานที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวจะให้คุณค่ามากกว่านี้ในสาขาอื่น เช่น การวิจัยทางการแพทย์โดยใช้ AI
ในอีกมุมหนึ่ง แบ็คกล่าวว่า การเตรียมความพร้อมสำหรับยุคควอนตัมเป็นเรื่องที่ควรทำสำหรับบิตคอยน์ แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป เพราะเทคโนโลยีควอนตัมยัง “อยู่ในช่วงตั้งไข่อย่างมาก และต้องใช้เวลาวิจัยพัฒนาอีกหลายสิบปี”
ความคิดเห็น 0