ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหดตัว 2.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์จากโควิด-19 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่านโยบายกำแพงภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ข้อมูลจากแบบจำลอง GDPNow ของธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งแอตแลนตาระบุว่า ในเดือนก่อนหน้านี้ GDP ของสหรัฐฯ ยังถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโต 4% แต่ตัวเลขล่าสุดกลับลดลงมาอยู่ที่ -2.8% แม้ GDPNow จะมีความผันผวนตามข้อมูลเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง แต่สัญญาณของการชะลอตัว เช่น การบริโภคที่ลดลงและการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มขาลงมีน้ำหนักมากขึ้น
ส่วนภาวะขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมสูงถึง 1,530 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 223 ล้านล้านวอน) ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 25.6% นักวิเคราะห์ระบุว่าธุรกิจต่างๆ ได้เร่งนำเข้าก่อนที่นโยบายภาษีของทรัมป์จะมีผลเต็มที่ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงจาก 105.3 จุด เหลือเพียง 98.3 จุด ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021
แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวว่าต้องการให้สหรัฐฯ กลายเป็น ‘ศูนย์กลางของคริปโต’ แต่ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจมหภาคกลับกดดันตลาดคริปโตให้ซบเซาลง บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ต่างร่วงลง 10.2% และ 21.6% ตามลำดับในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมยังหายไปถึง 670 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 978 ล้านล้านวอน) ทำให้ความกังวลของนักลงทุนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกสถาบันที่จะคาดการณ์เศรษฐกิจในทิศทางเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์กยังคงประเมินว่า GDP ไตรมาสแรกจะเติบโตที่ 2.9% ในขณะที่ธนาคารกลางสาขาดัลลัสคาดว่าจะขยายตัว 2.4% เนื่องจากใช้แบบจำลองที่แตกต่างกัน เช่น การอนุมานแบบเบย์เซียนและการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค
ในขณะที่นโยบายการค้าของทรัมป์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังคงมีอิทธิพลต่อตลาด การเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในอนาคตจึงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก
ความคิดเห็น 0