โมเดลปัญญาประดิษฐ์ ‘ดีปซีค’(DeepSeek) จากจีน ได้เปิดเผยการคาดการณ์ราคาสินทรัพย์คริปโตหลัก 3 รายการ ได้แก่ ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และเอดา(ADA) จนถึงสิ้นปี 2026 โดยชี้ว่าเข้าสู่ช่วงที่มี ‘ความผันผวนสูง’ พร้อมยกทั้งกรณีขาขึ้นและขาลงควบคู่กันไป เพื่อเตือนให้นักลงทุนเตรียมรับมือ
ดีปซีคระบุว่าการประเมินนี้อ้างอิงจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค, การวิเคราะห์เชิงเทคนิค และพื้นฐานของแต่ละโครงการ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางราคาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหากตลาดเกิด ‘ความเคลื่อนไหวเฉียบพลัน’
สำหรับริปเปิล(XRP) โมเดลนี้มองว่าในสถานการณ์ขาขึ้น ราคาสามารถทะยานแตะ 4.5-6 ดอลลาร์(ประมาณ 6.5-8.6 ล้านบาท) ภายในปี 2026 หากก.ล.ต.สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางกฎหมายกับบริษัท รวมถึงระบบโอนเงินระหว่างประเทศ ODL ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง และโปรเจกต์เงินดิจิทัลภาครัฐ(CBDC) เริ่มใช้เทคโนโลยีของริปเปิลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์กลับกัน ดีปซีคเตือนว่า XRP อาจร่วงต่ำถึง 1 ดอลลาร์(ประมาณ 1.4 ล้านบาท) จากระดับปัจจุบันที่ราว 1.86 ดอลลาร์
ในแง่การวิเคราะห์ทางเทคนิค จุดสำคัญอยู่ที่ระดับ 2.2 ดอลลาร์ ซึ่งต้อง ‘ฝ่าให้ได้’ เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น นอกจากนี้ การเปิดตัวกองทุน ETF ที่อิงกับ XRP จำนวน 5 กองทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอาจทำให้มีกระแสเงินทุนจากสถาบันไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปี ซึ่งปกติเป็นช่วงเงียบเหงา
ดีปซีคให้ *ความคิดเห็น* ไว้อย่างน่าสนใจว่า “กรณีของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ETF ก็เริ่มต้นแบบเงียบ ๆ ก่อนจะเกิดแรงซื้อขนาดใหญ่ในภายหลัง 2026 อาจเป็นจุดเปลี่ยนของ XRP”
ด้านโซลานา(SOL) ซึ่งหลายฝ่ายจับตามองว่าเป็นสินทรัพย์แห่งปี 2025 ดีปซีคคาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งขึ้นถึง 300% หรือแตะระดับ 275-350 ดอลลาร์(ประมาณ 40-50.5 ล้านบาท) หากระบบนิเวศที่เน้นแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคเติบโตได้จริง ควบคู่กับการเข้ามาลงทุนของสถาบันอย่างมีกำลัง
ในขณะเดียวกัน หากแรงซื้ออ่อนแรง ราคาของโซลานาอาจย่อตัวกลับลงมาในช่วง 80-95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผู้วิเคราะห์ เจมส์ อีสตัน ให้ *ความคิดเห็น* ว่า “แนวโน้มทางเทคนิคยังเป็นบวก RSI รายสัปดาห์อยู่ต่ำกว่าจุดต่ำในอดีตด้วยซ้ำ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจยังมีช่องให้ขึ้นต่อได้อีก”
สำหรับเอดา(ADA) ดีปซีคประเมินกรอบราคาในปี 2026 ไว้ที่ 0.85-1.20 ดอลลาร์(ประมาณ 1.2-1.7 ล้านบาท) โดยมีเงื่อนไขว่าการอัปเกรด ‘Chang Hardfork’ ต้องดำเนินไปอย่างราบรื่น พร้อมระบบการกำกับดูแลแบบออนไชน์และการใช้งบประมาณโดยชุมชนต้องใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตาม หากแผนงานล่าช้าหรือไม่มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ราคาก็อาจลดลงเหลือเพียง 0.25-0.28 ดอลลาร์
ในช่วงสั้น ๆ หาก ADA สามารถทะลุและรักษาระดับเหนือ 0.36 ดอลลาร์ได้ อาจเป็นสัญญาณว่าเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น RSI อยู่ที่ระดับ 40 ซึ่งยังไม่ถึงเขตขายมากเกินไป แต่ก็เปิดช่องให้ราคาย่อลงได้อีก
ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเบนความสนใจจากการวิเคราะห์เชิงโมเดล มายังสินทรัพย์ที่มี ‘เงินทุนไหลเข้าอย่างเป็นรูปธรรม’ โดยหนึ่งในโครงการที่ถูกจับตาหนักคือ แม็กซี โดจ(Maxie Doge) ซึ่งเป็นมีมคอยน์ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง ด้วยคุณสมบัติ ‘ไฮเบต้า’
โปรเจกต์นี้มีกระแสเงินจากชุมชนหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยรายงานเผยว่า แม็กซี โดจสามารถระดมทุนไปแล้วกว่า 4.28 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 61.8 ล้านบาท) พร้อมผลตอบแทนจากการสเตกกิ้งสูงถึง 71% ต่อปี
เมื่อดีปซีคยังคงประเมินราคา XRP ในระดับเชิงนโยบาย แม็กซี โดจกลับดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนรายย่อยอย่างมีนัยสำคัญ หากปี 2026 กลายเป็นยุคแห่ง ‘ความผันผวนขั้นสูง’ มีมคอยน์บางตัวอาจกลายมาเป็นผู้นำเหนือสินทรัพย์คริปโตกระแสหลักก็เป็นได้
*คำสำคัญ*: ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), เอดา(ADA), ETF, ดีปซีค(DeepSeek), แม็กซี โดจ(Maxie Doge), ความผันผวน, การสเตกกิ้ง, ฮาร์ดฟอร์ก
ความคิดเห็น 0