คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ถอนฟ้องคดีความที่มีต่อบริษัทคริปโตหลักหลายแห่ง เช่น คอยน์เบส(COIN), คราเคน และเจมินี ซึ่งเป็นสัญญาณของ ‘ท่าทีที่เปลี่ยนไป’ ในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลว่าการผ่อนปรนกฎระเบียบอาจทำให้การคุ้มครองนักลงทุนลดลง
เกี่ยวกับประเด็นนี้ มาร์ก พาเกล(Marc Fagel) อดีตที่ปรึกษากฎหมายของ SEC อธิบายว่า คดีที่ถูก ‘ยกฟ้องโดยไม่มีอคติ’ (without prejudice) ยังสามารถถูกนำกลับมาฟ้องใหม่ได้ หากมีหลักฐานเพิ่มเติม ขณะที่คดีที่ถูก ‘ยกฟ้องพร้อมอคติ’ (with prejudice) ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก นอกจากนี้ เขายังชี้ว่า แม้จะมีโอกาสที่ SEC จะเปิดการสอบสวนใหม่เกี่ยวกับ ‘กิจกรรมที่ไม่ได้รับการควบคุม’ แต่ด้วยท่าทีของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมคริปโต จึงไม่น่าจะมีมาตรการที่เข้มงวดในทันที
ทรัมป์กำลังผลักดันนโยบายที่เป็น ‘บวกต่อคริปโต’ อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขาได้ออกคำสั่งบริหารเพื่อสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนากฎระเบียบใหม่ ล่าสุด ทรัมป์เผยว่ากำลังพิจารณานำ ‘บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และคาร์ดาโน(ADA)’ มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองของประเทศ ซึ่งทำให้วงการคริปโตให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
ในวันที่ 7 มีนาคมนี้ จะมีการจัด ‘ประชุมสุดยอดคริปโต’ ครั้งแรกที่ทำเนียบขาว ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาด โดยจะมีตัวแทนจากบริษัทคริปโตรายใหญ่และหน่วยงานกำกับดูแลเข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางกฎระเบียบในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่า ผลลัพธ์ของการประชุมนี้อาจช่วยทำให้ ‘แนวทางกำกับดูแลของสหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น’ และเปิดโอกาสให้ 'นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น'
ความคิดเห็น 0