คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ได้ตัดสินใจถอนฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับกระดานเทรดคราเคน (Kraken) ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าทิศทางของกฎระเบียบด้านคริปโตของหน่วยงานกำกับอาจเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) คราเคนออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า กรณีฟ้องร้องที่ SEC ยื่นฟ้องเมื่อราว 15 เดือนก่อนเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้ลงทะเบียนนั้น ได้ถูกยกเลิกแล้ว โดยคราเคนย้ำว่า คดีสิ้นสุดลงโดยไม่มีบทลงโทษทางการเงินหรือข้อกำหนดให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ พร้อมทั้งระบุว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็น "การโจมตีที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองโดยไม่จำเป็น" นอกจากนี้ คราเคนยังกล่าวเสริมว่า บทสรุปของคดีนี้อาจส่งผลดีต่อการพัฒนากฎระเบียบที่มีความสม่ำเสมอและมีเหตุผลมากขึ้น
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง SEC ได้ยกเลิกการฟ้องร้องต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตหลายแห่ง เช่น คอยน์เบส (Coinbase), โอเพนซี (OpenSea), เจมิไน (Gemini) และโรบินฮูด (Robinhood) สิ่งนี้นำไปสู่การคาดการณ์ว่ากฎระเบียบในอุตสาหกรรมคริปโตของสหรัฐอาจมีแนวโน้มผ่อนคลายลง นอกจากนี้ SEC ยังได้จัดตั้ง "คณะทำงานด้านคริปโต" ใหม่เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล และกำลังเดินหน้าร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมบล็อกเชน
ขณะเดียวกัน ไบแนนซ์ (Binance) ได้ประกาศว่าจะเพิกถอนสเตเบิลคอยน์ 9 รายการ รวมถึงเทเธอร์ (USDT) และได (DAI) จากตลาดในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎระเบียบ MiCA นักลงทุนที่ถือครองสเตเบิลคอยน์เหล่านี้สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์อื่นผ่าน Binance Convert และจะยังสามารถถอนออกได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังประกาศว่า "กองทุนสำรองสินทรัพย์คริปโตแห่งชาติของสหรัฐ" จะรวม XRP, โซลานา (SOL) และคาร์ดาโน (ADA) เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สำรอง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์ (BTC) ลดลงต่ำกว่า 50% หลังจากนั้น ทรัมป์ได้เน้นย้ำผ่าน Truth Social ว่าบิตคอยน์และอีเธอเรียม (ETH) จะยังคงเป็นสินทรัพย์หลักของกองทุนสำรองดังกล่าว ส่งผลให้ราคา XRP และคาร์ดาโนพุ่งขึ้น 60.3% และ 34.7% ตามลำดับ ขณะที่โซลานาและอีเธอเรียมเพิ่มขึ้น 25.5% และ 13.1% ตามลำดับ ส่วนบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นเพียง 10%
นักวิเคราะห์มองว่า การเปลี่ยนแปลงแนวทางของ SEC ควบคู่กับนโยบายสนับสนุนคริปโตของรัฐบาลทรัมป์ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโตในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0