รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศให้สกุลเงินดิจิทัลเป็น ‘สินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์’ ซึ่งสร้างทั้งความคาดหวังและความกังวลให้กับตลาด ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์เผยแผนจัดตั้ง ‘กองทุนสำรองคริปโตแห่งชาติ’ ที่จะครอบคลุม บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP) และคาร์ดาโน(ADA) ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดการปรับฐาน อย่างไรก็ตาม แมตต์ ฮูแกน หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน(CIO) ของบิตไวส์(Bitwise) เชื่อว่าแผนดังกล่าวจะส่งผลดีในระยะยาว
ฮูแกนให้ความเห็นว่าตลาดอาจตีความประกาศครั้งนี้มากเกินไป โดยแม้ว่ารายละเอียดบางอย่างยังไม่ชัดเจน แต่การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลในฐานะ ‘สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์’ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าทรัพย์สินดิจิทัลเป็นนโยบายที่รัฐบาลทรัมป์อาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลังการหารือ ซึ่งการประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาวซึ่งจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้อาจเป็นเวทีสำคัญสำหรับการพิจารณาทางเลือกต่างๆ
ผลกระทบจากการตัดสินใจของสหรัฐฯ อาจขยายออกไปสู่วงกว้าง ฮูแกนเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง อาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ เร่งยอมรับคริปโตอย่างเป็นทางการ ขณะที่เอลซัลวาดอร์และภูฏานได้เริ่มสะสมบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองหากสหรัฐฯ ดำเนินการในระดับมหภาค ประเทศในลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียก็อาจเดินตามแนวทางนี้
ถึงแม้นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจทำให้โครงการดังกล่าวถูกยกเลิกในอนาคต แต่ฮูแกนมองว่าแนวโน้มในระยะยาวจะกลับตรงกันข้าม เขาเปรียบเทียบว่าการจัดเก็บสินทรัพย์สำรอง เช่น ทองคำ ดำเนินอยู่ได้แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนมือ ดังนั้น ‘กองทุนสำรองคริปโต’ ก็น่าจะคงอยู่ในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ เช่นกัน
การหารือในประเด็นนี้คาดว่าจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาวที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการกำหนดแนวทางของนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัล และรูปแบบการดำเนินงานของกองทุนสำรองคริปโตภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0