ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหาร ‘สำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์’ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจีนอาจตอบโต้ด้วยนโยบายที่คล้ายกัน
เมื่อวันที่ 7 ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งบริหารให้รัฐบาลสหรัฐฯ จัดหาและสำรองบิตคอยน์(BTC) รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ในระดับชาติ โดยเริ่มต้นจากการใช้บิตคอยน์ที่ถูกยึดจากคดีอาชญากรรมเป็นทุนตั้งต้น
จากการประกาศดังกล่าว มีการคาดการณ์ว่าจีนอาจพิจารณานโยบายสำรองบิตคอยน์ของตนเองเช่นกัน โดยเดวิด ไบลีย์ นักสนับสนุนบิตคอยน์ เปิดเผยว่าหลังจากคำสั่งบริหารของทรัมป์ จีนได้มีการประชุมลับเกี่ยวกับแนวทางบิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ย้อนกลับไปในปี 2020 รัฐบาลจีนได้ยึดบิตคอยน์จำนวน 195,000 BTC จากคดีแชร์ลูกโซ่ PlusToken ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าปัจจุบันยังคงถือครองอยู่หรือไม่ คี ยองจู ซีอีโอของ CryptoQuant ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทางการจีนอาจจำหน่ายบิตคอยน์ทั้งหมดไปแล้ว ในขณะที่ไบลีย์ให้ความเห็นว่า หากจีนยังคงถือครองและใช้บิตคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระดับชาติ จีนอาจกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก
ในขณะเดียวกัน ฮ่องกงมีการหารือเกี่ยวกับการนำบิตคอยน์มาใช้ในระบบการเงินอันเป็นผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯ อู๋ เจ๋อหวง สมาชิกสภานิติบัญญัติของฮ่องกง ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการศึกษาผลกระทบของนโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค
บิตคอยน์จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในเกมการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยทั่วโลกจับตาดูว่า ‘จีน’ จะมีท่าทีอย่างไรต่อการแข่งขันด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในครั้งนี้
ความคิดเห็น 0