ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยสินทรัพย์หลักไม่ได้เผชิญกับความผันผวนที่รุนแรง บิตคอยน์(BTC) ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 86,000 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา BTC เคลื่อนไหวในกรอบกว้างระหว่าง 78,000 ดอลลาร์ถึง 95,000 ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยหลักมาจาก ‘สงครามการค้า’ ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงการเปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐในการถือครอง BTC ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ทรัมป์เป็นประธานการประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาว ซึ่งเขาให้คำมั่นว่าสหรัฐจะไม่ขาย BTC ที่ถือครองอยู่
ตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมดังกล่าวอาจทำให้ราคา BTC เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม BTC ร่วงลงต่ำกว่า 85,500 ดอลลาร์ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 86,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บางรายมองว่าประกาศของรัฐบาลไม่ได้สร้างปัจจัยใหม่ให้กับตลาด และอาจเป็นกรณีของ ‘ขายข่าว’ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้มีแผนจะใช้เงินทุนโดยตรงในการเข้าซื้อ BTC ทำให้ผลกระทบมีจำกัด
ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อความผันผวนของราคา BTC ในอนาคตคือ ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค’ (CPI) ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 12 มีนาคม ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และอาจสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดคริปโต จากสถิติในอดีต BTC มักเผชิญความผันผวนอย่างมากหลังการประกาศ CPI
ในขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดของ BTC ยังคงอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยครองส่วนแบ่งตลาด 58.2% เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ
ฝั่ง ‘อัลต์คอยน์’ มีแนวโน้มผสมผสาน อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), อวาลันเช(AAVX) และ ยูนิสวอป(UNI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ ริปเปิล(XRP), ไบแนนซ์คอยน์(BNB), คาร์ดาโน(ADA), โดชคอยน์(DOGE), โทรอน(TRX) และ ชิบะอินุ(SHIB) เผชิญกับแรงขาย นอกจากนี้ ไพเน็ตเวิร์ก(PI) ร่วงลงถึง 12% ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดใน 100 อันดับแรก โดยขณะนี้ซื้อขายอยู่ที่ 1.57 ดอลลาร์ ลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดที่ 3 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
โดยรวมแล้ว มูลค่าตลาดของคริปโตทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 2.92 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 1.8% ภายใน 24 ชั่วโมง
ความคิดเห็น 0