บิตคอยน์(BTC) มีโอกาสทะลุระดับ 105,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางกฎระเบียบระดับโลก ล่าสุดราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น 8% จากจุดต่ำสุดที่ 76,703 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ที่ใช้เลเวอเรจในการซื้อ ซึ่งทำให้แนวโน้มขาขึ้นดูเป็นไปได้มากขึ้น
ในช่วง 17 วันที่ผ่านมา มาร์จิ้นลองโพซิชั่นของบิตคอยน์ในกระดานเทรดบิตฟิเน็กซ์(Bitfinex) เพิ่มขึ้น 13,787 BTC ส่งผลให้มูลค่ารวมแตะ 5.7 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.3 ล้านล้านวอน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงความมั่นใจของนักลงทุนในแนวโน้มระยะยาวของบิตคอยน์
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าราคาบิตคอยน์มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับปริมาณเงินหมุนเวียนทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางมีแนวโน้มเพิ่มสภาพคล่อง และหากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป นักลงทุนที่ถือบิตคอยน์ในปริมาณมากอาจใช้โอกาสนี้เข้าซื้อเพิ่ม โดยตั้งเป้าที่ระดับ 105,000 ดอลลาร์ภายในสองเดือนข้างหน้า
บัญชี Twitter ชื่อ Pakpakchicken เปิดเผยว่าความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเงิน M2 และราคาบิตคอยน์อยู่ที่ 82% ซึ่งหมายความว่าเมื่อธนาคารกลางลดปริมาณสภาพคล่องผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือลดการซื้อพันธบัตร นักลงทุนมักจะระมัดระวังมากขึ้น และส่งผลให้ความต้องการบิตคอยน์ลดลง ในทางกลับกัน หากสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นต่อตลาดคริปโตก็อาจกลับมาและกระตุ้นราคาให้พุ่งสูงขึ้น
จากสถิติในอดีต ตลาดกระทิงของบิตคอยน์มักเกิดขึ้นพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน M2 ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักลงทุนมาร์จิ้นของบิตฟิเน็กซ์ยังคงถือสถานะลองเพิ่มขึ้น 7,840 BTC แม้อยู่ในตลาดหมี และผลที่ตามมาคือราคาบิตคอยน์สามารถทะลุ 75,000 ดอลลาร์ภายในสองเดือนต่อมา
อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงระหว่างสภาพคล่องและราคาบิตคอยน์ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชัยชนะของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ทำให้เกิดความคาดหวังต่อแนวโน้มเชิงบวกของนโยบายที่สนับสนุนคริปโต ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันราคา
นอกจากนี้ มาร์ค ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครสตราเทจี(MicroStrategy) กำลังวางแผนระดมทุนกว่า 21 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 30.6 ล้านล้านวอน เพื่อซื้อบิตคอยน์เพิ่มเข้าไปในพอร์ตของบริษัท ซึ่งปัจจุบันครอบครองบิตคอยน์อยู่ที่ 499,096 BTC คิดเป็นมูลค่า 33.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 48.3 ล้านล้านวอน
อีกด้านหนึ่ง บรรยากาศด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ กำลังเริ่มชัดเจนขึ้น โดยวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังหารือเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นของไบแนนซ์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อตลาดคริปโต และเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังพิจารณาคำขอของผู้ออกกองทุน ETF บิตคอยน์ ที่เสนอให้เปลี่ยนระบบชำระเงินจากเดิมที่ใช้เงินสดเป็นการแลกเปลี่ยนหุ้นด้วย BTC โดยตรง หากข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างตลาดการเงินแบบดั้งเดิมกับตลาดคริปโตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แม้เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่หากนโยบายขยายสภาพคล่องของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป ภายในเดือนพฤษภาคมปีนี้ บิตคอยน์อาจปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 105,000 ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองคือแนวโน้มด้านสภาพคล่องและการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก
ความคิดเห็น 0