ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การผลักดันกฎหมายที่มุ่งเน้นให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขยายการถือครองบิตคอยน์(BTC)
เมื่อวันที่ 14 (เวลาท้องถิ่น) ไบรอน โดนัลส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขามีแผนเสนอร่างกฎหมายเพื่อสนับสนุนแผนสำรองบิตคอยน์ของรัฐบาลกลาง คาดว่ากฎหมายฉบับนี้จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 60 เสียงในวุฒิสภา และหากได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสามารถผ่านการอนุมัติได้
รัฐบาลทรัมป์ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชนมาโดยตลอด ดังนั้น นักวิเคราะห์จึงมองว่าร่างกฎหมายนี้มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค โดยเฉพาะสมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของทรัมป์ หลายคนวิจารณ์ว่าพรรคเดโมแครตพยายามกดดันคริปโตมานานหลายปี และต้องการให้กฎหมายฉบับนี้ช่วยลดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม
หนึ่งในหัวใจสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือ การป้องกันไม่ให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถยกเลิกแผนการถือครองบิตคอยน์ของสหรัฐฯ ผ่านคำสั่งบริหาร นอกจากนี้ กระทรวงการคลังคาดว่าจะกำหนดกลยุทธ์การจัดซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม โดยจะใช้วิธีการที่ ‘เป็นกลางทางงบประมาณ’ หรือกล่าวคือ ไม่เพิ่มภาระภาษีให้กับประชาชน
ปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองบิตคอยน์ประมาณ 200,000 BTC ซึ่งได้มาจากการยึดทรัพย์ในคดีอาชญากรรมต่างๆ รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาแนวทางเพิ่มการถือครองในระดับประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดว่า รัฐบาลอาจพิจารณาการออกพันธบัตรที่มีบิตคอยน์เป็นหลักประกัน รวมถึงการเปิดให้ชำระภาษีด้วย BTC
ตลาดคริปโตตอบรับข่าวนี้ในเชิงบวก โดยวุฒิสมาชิกสายสนับสนุนคริปโตอย่าง ซินเทีย ลูมมิส ได้เน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ควรตั้งเป้าหมายถือบิตคอยน์อย่างน้อย 200,000 BTC ต่อปี และสะสมให้ได้ 1 ล้าน BTC ภายใน 5 ปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาวะสินทรัพย์ขาดแคลนและอาจผลักดันราคาขึ้น
หากแนวทางของรัฐบาลทรัมป์ในการขยายการถือครองบิตคอยน์เกิดขึ้นจริง อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมคริปโตและตลาดการเงิน นักลงทุนกำลังจับตาความคืบหน้าของร่างกฎหมายนี้ และรอดูท่าทีของรัฐบาลต่อไปในอนาคต
ความคิดเห็น 0