ดูเหมือนว่ารัฐบาลของทรัมป์กำลังเดินหน้าผลักดันนโยบายเพื่อเพิ่มการถือครองบิตคอยน์(BTC) ของสหรัฐฯ อย่างจริงจัง เมื่อวันที่ 11 (เวลาท้องถิ่น) ในการประชุมปิดของสถาบันนโยบายบิตคอยน์ โบ ไฮนส์(Bo Hines) ผู้อำนวยการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดเผยว่า "เป้าหมายคือการถือครองบิตคอยน์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
การประชุมครั้งนี้มีบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมคริปโตเข้าร่วม โดยมีการหารือเกี่ยวกับ 'กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์' ซึ่งเป็นนโยบายที่ทรัมป์ได้ลงนามเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลย้ำว่าโครงการนี้จะดำเนินการในรูปแบบ 'งบประมาณเป็นกลาง' ซึ่งหมายถึงการจัดหาเงินทุนโดยไม่เพิ่มภาระภาษีให้กับประชาชน
ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของบิตคอยน์ราว 200,000 BTC จากการยึดทรัพย์ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย แม้ไฮนส์จะไม่เปิดเผยจำนวนที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการถือครอง แต่เขาได้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาซื้อเพิ่มอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่านโยบายนี้อาจเชื่อมโยงกับร่างกฎหมาย 'กองทุนสำรองบิตคอยน์' ที่วุฒิสมาชิกซินเทีย ลูมิส (พรรครีพับลิกัน - ไวโอมิง) เสนอใหม่ ซึ่งเสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อสูงสุดถึง 1 ล้าน BTC และจัดให้เป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ ผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนมองว่าทีมงานของทรัมป์จะพยายามเจรจาเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรส
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตคัดค้านนโยบายนี้ โดยให้เหตุผลว่าอาจเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ทรัมป์และคนใกล้ชิด สมาชิกสภาผู้แทนฯ เจอรัลด์ คอนนอลลี(Gerald Connolly) จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่าการสร้างกองทุนสำรองบิตคอยน์อาจขัดแย้งกับผลประโยชน์ของผู้เสียภาษี และเรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่ทันที
ผลกระทบของนโยบายนี้ต่อทั้งตลาดคริปโตในสหรัฐฯ และราคาบิตคอยน์ทั่วโลกจะขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฎหมายของสภาคองเกรสและวิธีที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ดำเนินตามแผนนี้
ความคิดเห็น 0