บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 500,000 เยนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความกังวลในตลาด ปัจจัยหลักที่กดดันราคาคือความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างรัฐบาลทรัมป์และสหภาพยุโรป(EU) ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอเรนซี
บิตคอยน์มีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีค่าสหสัมพันธ์กับ S&P500 อยู่ที่ +0.69 และกับ Nasdaq 100 อยู่ที่ +0.71 ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการชะลอตัวของตลาดหุ้นมีผลต่อราคาบิตคอยน์เช่นกัน ในทางกลับกัน ราคาทองคำ(Gold) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย กลับพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 2,998.5 ดอลลาร์
ในตลาดออปชัน นักลงทุนนำเงินเข้าสู่สัญญา ‘Put Option’ มากขึ้น ทำให้ ‘Put-Call Ratio(PCR)’ สูงขึ้น สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในแนวโน้มของบิตคอยน์ ขณะเดียวกัน ฤดูกาลยื่นภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามาก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนอาจจำเป็นต้องขายบิตคอยน์เป็นเงินสดเพื่อใช้จ่ายภาษี
ปัจจัยสำคัญที่อาจชี้นำความผันผวนของตลาดในอนาคต ได้แก่ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันที่ 14 มีนาคม, รายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 มีนาคม และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FOMC) ในวันที่ 20 มีนาคม โดยเฉพาะนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของบิตคอยน์ ซึ่งนักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0