เดวิด แซกซ์ ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็น ‘ที่ปรึกษาพิเศษด้าน AI และสกุลเงินดิจิทัล’ ในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยง ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ ตามเอกสารอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาว
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม เอกสารความยาว 11 หน้า โดย เดวิด วอร์ริงตัน ที่ปรึกษากฎหมายของทำเนียบขาว ระบุว่า แซกซ์ได้ขายคริปโตส่วนตัวไปอย่างน้อย 85 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์ที่เหลือถูกขายโดย ‘คราฟต์ เวนเจอร์ส’ บริษัทของเขาเอง คริปโตที่ถูกขายรวมถึง บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) นอกจากนี้ยังมีหุ้นของ ‘คอยน์เบส’ และ ‘โรบินฮูด’ รวมถึงกองทุนเพื่อการลงทุนในบล็อกเชน
ในพอดแคสต์ ‘All In’ แซกซ์กล่าวว่า "ผมไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน" นี่ถือเป็นการตอบโต้ข้อกังวลของวุฒิสมาชิก เอลิซาเบธ วอร์เรน ที่เรียกร้องให้เปิดเผยความเกี่ยวข้องระหว่างนโยบายคริปโตของรัฐบาลทรัมป์กับสินทรัพย์ดิจิทัลของแซกซ์
กรณีนี้ถือว่า ‘ผิดปกติ’ ในรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับทรัมป์เอง ที่ยังถือหุ้นใน ‘ทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป’ (TMTG) ซึ่งเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม ‘ทรูธโซเชียล’ และอาจเกี่ยวพันกับโครงการคริปโตของรัฐบาล
ตามเอกสารที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว แซกซ์ได้ขาย ‘คริปโตที่มีสภาพคล่องทั้งหมด’ ของคราฟต์ เวนเจอร์ส รวมถึงหุ้นใน ‘Bitwise 10 Crypto Index Fund’ และกำลังขายหุ้นในกองทุนคริปโตอื่นๆ เช่น ‘Multicoin Capital’ และ ‘Blockchain Capital’ ปัจจุบันสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตที่แซกซ์ถือครองเหลือไม่ถึง 0.1% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด และคาดว่าจะถูกขายออกไปในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม การขายสินทรัพย์ครั้งนี้ทำให้แซกซ์ต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก เพราะตำแหน่งของเขาไม่มีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุน นอกจากนี้แซกซ์กำลังขายหุ้นในบริษัทกว่า 90 แห่ง เช่น ‘ซีเควอา แคปิทัล’, ‘แอนิโมกา แบรนด์ส’ และ ‘โอเพนดีล’
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม รัฐบาลทรัมป์ได้เปิดตัวแผนยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้บิทคอยน์ที่ยึดได้จากคดีอาญาและแพ่งเป็นทุนสำรองของรัฐ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีแผนจะเก็บสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกยึดมาไว้ใน ‘กองทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัล’ ของรัฐบาล
ความคิดเห็น 0