ผลสำรวจพบว่าสถาบันการเงินมีแผนขยายการลงทุนในคริปโตเพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 18 (เวลาท้องถิ่น) รายงานร่วมของ ‘คอยน์เบส’ และ ‘EY-พาร์เธนนอน’ ระบุว่า 83% ของนักลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมการสำรวจมีแผนเพิ่มสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์คริปโตภายในปี 2025 โดยจากสถาบันกว่า 350 แห่งที่ตอบแบบสอบถาม มีมากกว่า 75% ที่ถือครอง ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ และส่วนใหญ่มีเป้าหมายจัดสรร 5% ขึ้นไปของพอร์ตการลงทุนให้กับคริปโต
ผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าคริปโตเป็น "โอกาสสำคัญสำหรับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงในช่วง 3 ปีข้างหน้า" โดยการสำรวจดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนมกราคมปีนี้
สำหรับแนวโน้มการถือครองอัลต์คอยน์ของสถาบัน พบว่า ‘ริปเปิล(XRP)’ และ ‘โซลานา(SOL)’ เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีการคาดการณ์ว่าหากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) อนุมัติ กองทุน ETF ที่อ้างอิงอัลต์คอยน์หลากหลายประเภทอาจเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ‘บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์’ ยังวิเคราะห์ว่า SEC อาจพิจารณาอนุมัติ ETF สำหรับ ‘ไลต์คอยน์(LTC)’, ‘โซลานา’ และ ‘ริปเปิล’ ก่อนเป็นลำดับแรก
นอกจากนี้ ยอดการใช้แพลตฟอร์มการเงินแบบไร้ตัวกลาง(DeFi) ของสถาบันก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ขณะนี้มีเพียง 24% ของสถาบันที่ใช้ DeFi แต่ผลสำรวจระบุว่าภายในสองปี สัดส่วนนี้อาจเพิ่มขึ้นถึง 75% นักลงทุนสถาบันเริ่มให้ความสนใจกับบริการต่าง ๆ เช่น อนุพันธ์คริปโต, การสเตกกิ้ง, การปล่อยกู้, และการใช้ DeFi เพื่อเข้าถึงอัลต์คอยน์ รวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดน และการทำ ‘Yield Farming’
ความสนใจของสถาบันต่อ ‘สเตเบิลคอยน์’ ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดย 84% ของผู้ตอบแบบสำรวจเปิดเผยว่าพวกเขาถือครองหรือกำลังพิจารณาใช้สเตเบิลคอยน์ และจากข้อมูลพบว่าการใช้งานไม่ได้จำกัดแค่การซื้อขายคริปโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (69%), การบริหารจัดการเงินภายในองค์กร (68%), และการชำระเงินภายนอก (63%)
ด้วยแนวโน้มที่สถาบันการเงินเริ่มปรับตัวเข้ากับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนในคริปโตจึงอาจเข้าสู่กระแสหลักอย่างเต็มตัวในอนาคต
ความคิดเห็น 0