ริปเปิล(XRP) ขยายตลาดโอนเงินในแอฟริกาผ่านความร่วมมือกับชิปเปอร์ แคช(Chipper Cash)
ริปเปิล(XRP) ได้ประกาศความร่วมมือกับฟินเทคสตาร์ทอัพ ‘ชิปเปอร์ แคช(Chipper Cash)’ เพื่อขยายโซลูชันการชำระเงินในตลาดแอฟริกา โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ ‘ริปเปิล เพย์เมนต์(Ripple Payments)’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินบนบล็อกเชน สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบธุรกรรมข้ามพรมแดนของชิปเปอร์ แคช
เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมา ริปเปิลได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงนี้ โดยเน้นย้ำถึงการมอบบริการการโอนเงินที่ ‘รวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ’ รีซ เมอร์ริก(Reece Merrick) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาของริปเปิล ระบุว่า “ผู้บริโภคและธุรกิจในแอฟริกากำลังยอมรับศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น” ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสำคัญของข้อตกลงครั้งนี้
ขณะที่การใช้บล็อกเชนในแอฟริกาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการโอนเงินและระบบชำระเงิน รายงานจากเชนอะนาไลซิส(Chainalysis) ระบุว่าประมาณ ‘50% ของธุรกรรมทั้งหมดในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา’ ดำเนินการผ่านสเตเบิลคอยน์ อีกทั้งผลวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปลายปี 2024 ยังชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจเกิดใหม่ของแอฟริกามีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล
แฮม เซรันโจกิ(Ham Serunjogi) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของชิปเปอร์ แคช กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “การชำระเงินผ่านคริปโตเคอร์เรนซีเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินและเร่งการเข้าสู่ตลาดโลก” พร้อมเสริมว่า “การจับมือกับริปเปิลช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถทำธุรกรรมที่รวดเร็วและต้นทุนถูกลง”
ข้อตกลงล่าสุดนี้ยังถือเป็นการสานต่อความร่วมมือของริปเปิลกับ ‘โอนาฟริก(Onafriq)’ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2023 ตอนนั้นโครงสร้างพื้นฐานของริปเปิลถูกนำไปใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่าง ‘27 ประเทศในแอฟริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และกลุ่มความร่วมมืออ่าว(GCC)’
นอกจากนี้ ริปเปิลเพิ่งได้รับใบอนุญาตสำหรับให้บริการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถขยายการดำเนินงานในตลาดตะวันออกกลางได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับคำตัดสินในเชิงบวกจากคดีฟ้องร้องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระดับโลก โดยแบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ซีอีโอของริปเปิล กล่าวว่า “คำตัดสินนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ริปเปิลสามารถควบคุมทิศทางของอุตสาหกรรมได้”
ความคิดเห็น 0