บรี สเติร์น ผู้ก่อตั้งมิมคอยน์ *ซิสเตอร์(SSTR)* บนเครือข่ายโซลานา(SOL) ได้ยื่นฟ้องร้องทางแพ่งต่อ แอนดรูว์ เทต บุคคลที่มักมีแนวคิดขวาจัด โดยกล่าวหาว่าถูกเทตกระทำทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลังความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการร่วมงานด้านโปรเจกต์คริปโต
เมื่อวันที่ 24 สเติร์นซึ่งพำนักอยู่ในลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ได้เปิดเผยประสบการณ์อันเลวร้ายที่เธอเผชิญผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเทตเริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 จากความร่วมมือเกี่ยวกับโครงการ *ซิสเตอร์* แต่กลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการควบคุมและข่มขู่ พร้อมทั้งแนบภาพหน้าจอบทสนทนาที่มีข้อความว่า “ถ้าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันก็ควรจะมีสิทธิ์ตีเธอได้ไม่ใช่เหรอ?” ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจในโลกออนไลน์ทันที
สเติร์นกล่าวว่า “ฉันพยายามจะหนีอย่างเงียบๆ หลายครั้ง แต่ความกลัวและการไม่เข้าใจตัวเองกดดันจนไม่สามารถพูดออกมาได้” และเสริมว่า “แค่กล้าพูดก็ยากมากแล้ว หวังว่าจะไม่ถูกล้อเลียนเพราะการเปิดเผยนี้” นอกจากนี้ เธอยังยืนยันว่าขณะนี้ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเป็นทางการเพื่อทวงคืนความเป็นตัวของตัวเอง และบันทึกความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากความสัมพันธ์ดังกล่าว
แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากผู้ใช้งานบางรายที่ชื่นชมในความกล้าหาญของสเติร์น แต่ก็มีอีกหลายคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ ‘แรงจูงใจ’ ที่แท้จริง หลายเสียงในแพลตฟอร์ม X ชี้ว่าเหตุผลเบื้องหลังการเปิดเผยของเธออาจเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์โปรโมตเหรียญ *ซิสเตอร์* โดยบางคนถึงกับแสดงมุมมองว่า “เธอพูดถึงเหรียญตัวเองในโพสต์ด้วยซ้ำ” ซึ่งอาจเป็นการปั่นกระแสเพื่อดันราคาคอยน์
ด้านแอนดรูว์ เทตยังคงไม่ออกแถลงการณ์ใดๆ ต่อข้อกล่าวหา ยกเว้นเพียงประโยคสั้นๆ ว่า “ฉันต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ” ทั้งนี้ เทตเคยได้รับความสนใจในวงการคริปโตจากบทบาท ‘หน้าตา’ แห่งโลกมิมคอยน์ เขาเคยอ้างว่าสามารถทำกำไรสูงถึง 85 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,241 ล้านบาท) จากแพนเค้กสว็อป
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ราคามิมคอยน์ *แดดดี เทต(DADDY)* ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเทต ร่วงลง 6% ในช่วง 24 ชั่วโมง และลดลง 5.8% ในรอบ 7 วัน แต่ในกรอบ 30 วัน ยังคงบวกอยู่ที่กว่า 12% ขณะที่ *ซิสเตอร์* ของสเติร์น ราคาร่วงลงกว่า 9% ภายใน 24 ชั่วโมง และลดลงถึง 29% ในกรอบ 30 วัน แม้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาจะฟื้นตัวขึ้น 4.7% ซึ่งยังเหนือกว่าการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยของตลาดคริปโตที่อยู่ที่ 0.4%
*ความคิดเห็น:* เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของโปรเจกต์คริปโตกับบุคคลสาธารณะ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อน ‘ราคา’ และ ‘ความน่าเชื่อถือ’ ของเหรียญได้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของมิมคอยน์ที่เชื่อมโยงกับบุคคลในแวดวงอื้อฉาวในอนาคต
ความคิดเห็น 0