แบล็คร็อกเปิดตัวกองทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แบบจดทะเบียนตามราคาบิตคอยน์ (ETP) ในยุโรป สร้างความคาดหวังว่าการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีในภูมิภาคจะขยายวงกว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเตือนว่ายุโรปยังคงต้องเผชิญกับ *ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน* และ *ความต้องการจากนักลงทุนรายย่อยที่ค่อนข้างต่ำ* ซึ่งยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดบิตคอยน์(BTC)
ความเคลื่อนไหวของแบล็คร็อกครั้งนี้ ถือเป็นการสอดรับกับทิศทางนโยบายระดับโลกที่สหรัฐเป็นผู้นำในด้านการยอมรับบิตคอยน์ โดยเฉพาะ ภายใต้การบริหารของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ที่ได้เร่งผลักดันการจัดระเบียบกฎเกณฑ์ในภาคสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมมีคำสั่งบริหารให้จัดตั้ง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์ของรัฐบาลกลาง’ ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ในช่วงแรกกองทุนจะทำหน้าที่เก็บรักษา BTC ที่ได้จากการยึดทรัพย์ในคดีอาชญากรรม แต่สื่อหลายสำนักรายงานว่า อาจมีการนำมาใช้เป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ในระยะยาว
ในขณะที่ฝั่งยุโรปกลับยังตกอยู่ในภาวะล้าหลัง ทั้งจากโครงสร้างข้อบังคับที่ไม่เป็นหนึ่งเดียว และแนวทางการลงทุนที่ *ค่อนข้างอนุรักษนิยม* จากสถาบันหลัก เอลิเซนดา ฟาบรกา จากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย ‘บริคเกน’ ชี้ว่า นโยบายในยุโรปยังไม่ยอมรับบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรอง ทำให้นักลงทุนสถาบันจำนวนมากยัง *ไม่กล้าเข้าถึง* ตลาด ส่วนบิตฟิเน็กซ์(Bitfinex) มองว่า โครงสร้างตลาดภาคสถาบันในยุโรปยัง *กระจัดกระจายและถูกขวางด้วยกำแพงกฎระเบียบ* ทำให้การรวมบิตคอยน์เข้าในพอร์ตการลงทุนทำได้ยาก
ในทางตรงกันข้าม สหรัฐกลับมีทิศทางสนับสนุนที่ชัดเจน โดยเฉพาะในตลาด ETF บิตคอยน์แบบ Spot ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 92,800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า *135.4 ล้านล้านวอน* โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1.58 พันล้านดอลลาร์ หรือ *ประมาณ 2.3 ล้านล้านวอน* ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดถึงความมั่นใจในระดับนโยบายและการจัดระเบียบจากหน่วยงานรัฐของสหรัฐ สะท้อนความแตกต่างด้านยุทธศาสตร์เมื่อเทียบกับยุโรปอย่างชัดเจน
แม้ยุโรปจะยังล่าช้าในระดับนโยบาย แต่บางสถาบันการเงินก็เริ่มแสดงท่าทีเชิงรุก เช่น BNPพารีบาส ของฝรั่งเศส, บริษัท 21Shares จากสวิตเซอร์แลนด์ และบิตแพนด้า จากออสเตรีย ต่างเร่งพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คริปโต เพื่อชิงความได้เปรียบในตลาด *แม้เผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎเกณฑ์*
การที่แบล็คร็อกเปิดตัวบิตคอยน์ ETP อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากนี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บิตคอยน์อ้างอิงชิ้นแรกของแบล็คร็อกที่ *ไม่ได้ออกในสหรัฐ* จึงถูกจับตามองว่าอาจเป็น *จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง* มุมมองของนักลงทุนสถาบันในยุโรปได้
*ความคิดเห็น*: การที่แบล็คร็อกเลือกเข้าสู่ตลาดยุโรปในช่วงเวลาที่ภูมิภาคนี้ยังมีความไม่แน่นอนทางนโยบาย อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมการเงินกำลังเริ่มเปิดใจสู่คริปโตมากกว่าที่คิด และถ้าแนวโน้มนี้ขยายตัว อาจทำให้ยุโรปกลับมาเป็น *ผู้เล่นหลักในระบบนิเวศคริปโตระดับโลก* ได้อีกครั้ง.
ความคิดเห็น 0