แจ็กเอ็กซ์บีที(ZachXBT) ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามธุรกรรมคริปโตชื่อดัง ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างหนักต่อ *คอยน์เบส(COIN)* หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยเขาระบุว่า บัญชีของเขาถูกระงับการใช้งานถึงสองครั้งโดยไม่มีคำอธิบาย และยังเปิดเผยว่าเคยเกิดเหตุการณ์ *ข้อมูลของผู้ใช้รั่วไหล* แต่คอยน์เบสกลับไม่แจ้งเตือนผู้ใช้อย่างเป็นทางการจนสร้างความเสียหายให้กับหลายบัญชี
ผ่านโพสต์ในทวิตเตอร์ แจ็กเอ็กซ์บีทีตั้งข้อสงสัยต่อ *บริการสนับสนุนลูกค้า* ของคอยน์เบส โดยอ้างว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาถูกบล็อกจากการเข้าถึงบัญชีถึงสองครั้งโดยไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ และสิ่งที่น่ากังวลคือคอยน์เบสยังเลือกที่จะ *เพิกเฉย* ต่อเหตุการณ์การแฮ็กข้อมูลที่ส่งผลให้มีการสูญเสียสินทรัพย์ของผู้ใช้จริง โดยเขากล่าวว่า คอยน์เบสไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ต่อสาธารณะเลย
กรณีดังกล่าวได้จุดประเด็นต่อความน่าเชื่อถือในเรื่อง *ความปลอดภัยและความโปร่งใส* ของคอยน์เบส ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กมาตั้งแต่ปี 2021 โดยมีทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันใช้บริการ ในขณะที่แจ็กเอ็กซ์บีทีเองก็ระบุว่า แม้คอยน์เบสจะเสนอผลตอบแทนที่สูงในการฝาก *สเตเบิลคอยน์* แต่ด้วยปัญหาล่าสุด เขาไม่สามารถให้การสนับสนุนหรือแนะนำแพลตฟอร์มนี้ได้อีกต่อไป
แจ็กเอ็กซ์บีที่ยังเผยว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในอดีตเขาเคยพบว่าคอยน์เบสละเลยการแจ้งเตือนเกี่ยวกับกระเป๋าสตางค์ที่ถูกขโมย และมีการตอบสนองต่อผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบอย่างล่าช้า เขาระบุว่า ระหว่างเดือนธันวาคม 2024 ถึงมกราคม 2025 เกิดธุรกรรมผิดปกติคิดเป็นมูลค่าราว 65 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 949 พันล้านวอน) โดยมีผู้ใช้งานจำนวนมากที่เผชิญกับความสูญเสียจากการที่คอยน์เบสจัดการเหตุการณ์ไม่ทันการณ์
สำหรับการกระทำผิดครั้งนี้ ทางแจ็กเอ็กซ์บีทีระบุว่า มีกลุ่มอาชญากรไซเบอร์จากอินเดียและกลุ่มที่ไม่ได้มีทักษะสูงเป็นผู้ก่อเหตุ โดยพวกเขาใช้วิธี *ฟิชชิ่ง* ขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบของลูกค้าและแฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการลูกค้า ซึ่งบางรายได้รับแจ้งเตือนช้าเกินไปหรือไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอจากฝั่งคอยน์เบส
คอยน์เบสยังเผชิญกับกระแสร้องเรียนอย่างต่อเนื่องจากผู้ใช้งานในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง อาทิ ปี 2021 และ 2023 เมื่อผู้ใช้งานหลายรายไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ หรือระบบสนับสนุนทำงานล่าช้าจนเกิดความเสียหาย โดยหนึ่งในปัญหาที่เป็นจุดวิพากษ์วิจารณ์คือ การระงับบัญชีผู้ใช้งานที่เข้าสู่ระบบผ่าน *VPN* ซึ่งทางคอยน์เบสชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการแบน VPN โดยตรง แต่เป็นผลมาจากการตรวจพบรูปแบบการเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย
ปัญหาด้าน *ความปลอดภัย การตอบสนองลูกค้า และความโปร่งใส* ที่สะสมอยู่เรื่อย ๆ ทำให้แบรนด์ของคอยน์เบสเริ่มถูกตั้งคำถามและไว้วางใจน้อยลง โดยผู้เชี่ยวชาญในตลาดประเมินว่า “เมื่อช่องว่างระหว่างการตลาดกับการดำเนินงานจริงเริ่มกว้างขึ้น ก็ยากที่แพลตฟอร์มจะแข่งขันได้ในระยะยาว” ความคิดเห็นนี้สะท้อนว่า หากไม่ปรับปรุง คอยน์เบสอาจเสียความเชื่อมั่นไปอย่างถาวรในชุมชนคริปโต
ความคิดเห็น 0