ตลาดคริปโตกำลังก้าวเข้าหาวอลล์สตรีทซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเงินดั้งเดิมอย่างจริงจัง เมื่อบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตและองค์กรหลักหลายแห่งเร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) แนวโน้มนี้กำลังทำให้ ‘เส้นแบ่ง’ ระหว่างคริปโตและการลงทุนแบบเดิมเริ่มเลือนลางลง
เกรซี่ ชาน(Gracy Chen) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบิทเก็ต(Bitget) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตขนาดใหญ่อันดับ 6 ของโลก ระบุว่า “การเชื่อมโยงระหว่างการลงทุนแบบดั้งเดิมและคริปโตกำลังเข้มข้นขึ้น” พร้อมเสริมว่า “บริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเล็งเห็นคุณค่าของการใช้การเงินแบบเก่าเป็นฐานในการขยายธุรกิจ”
เกรซี่ยังย้ำว่า “นักลงทุนในยุคนี้ต้องการความยืดหยุ่น และมักถูกดึงดูดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งสองโลก” เธอชี้ว่าบางบริษัทใช้การเงินดั้งเดิมเป็น ‘กลไกปลอดภัย’ แต่บางแห่งอย่างเช่นบิทเก็ต กลับมองว่านี่คือรากฐานของการเติบโต โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาวะตลาดที่ผันผวน การ ‘บูรณาการ’ จึงดูเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลมากกว่าการแยกตัว
คำพูดของเธอสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวล่าสุดจากคราเคน(Kraken) ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้ประกาศให้บริการซื้อขายหุ้นสหรัฐและกองทุน ETF มากถึง 11,000 รายการ ถือเป็นการเข้าสู่ตลาด TradFi อย่างจริงจังครั้งแรกของผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโต และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ขยายบริการทั่วโลกของบริษัท
ประกาศของคราเคนถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ประกาศนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งกระตุ้นให้ดัชนี S&P500 ร่วงลงมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 7,300 ล้านล้านบาท) ในเวลาเพียงสองวัน เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงลึกซึ้งระหว่างคริปโตกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค
ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคอยน์เบส(Coinbase) ก็สะท้อนวิสัยทัศน์คล้ายคลึงกัน โดยระบุว่า เป้าหมายของบริษัทคือการเร่งให้ระบบการเงินทั่วโลกเข้าสู่ความทันสมัย และผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ทาง GDP ทั่วโลกเคลื่อนไหวผ่านโครงสร้างพื้นฐานของคริปโต ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อ ‘เสรีภาพทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเทคโนโลยี’
โฆษกของคอยน์เบสกล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลกับสินทรัพย์ดั้งเดิมนั้นเป็นแบบ *เกื้อหนุนกัน* ซึ่งการนำผู้คนกว่าพันล้านเข้ามาสู่โลกคริปโตไม่สามารถทำได้โดยปราศจากการบูรณาการกับภาคการเงินแบบดั้งเดิม” พร้อมคาดการณ์ว่า เมื่อกฎเกณฑ์ทั่วโลกมีความชัดเจนขึ้น และสถาบันต่าง ๆ เริ่มยอมรับเทคโนโลยีคริปโตมากขึ้น ส่วนแบ่ง GDP ที่หมุนเวียนบนโครงสร้างพื้นฐานคริปโตก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ในทำนองเดียวกัน โอมรี ฮาโนเวอร์(Omri Hanover) ผู้จัดการทั่วไปของเจมส์เทรด(Gems Trade) มองว่าการหลอมรวมกันระหว่างบล็อกเชนและการเงินดั้งเดิมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “เทคโนโลยีบล็อกเชนมอบความเร็วและความโปร่งใส ส่วนการเงินแบบดั้งเดิมก็มีความน่าเชื่อถือ ขนาดตลาด และการตอบสนองต่อกฎระเบียบ” เขากล่าว พร้อมชี้ว่า การจับคู่กันของทั้งสองโลกจะเปิดทางสู่โซลูชันใหม่ ๆ สำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบซับซ้อนของคริปโตเพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล
เทรนด์นี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากแพลตฟอร์มการลงทุนอย่างอีโทโร(eToro) และโรบินฮูด(Robinhood) ที่ต่างเปิดตัวบริการซื้อขายคริปโตอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ความร่วมมือระหว่างคริปโตและ TradFi กำลังกลายเป็น 'กฎใหม่' ของระบบการเงินยุคถัดไป ไม่ใช่แค่ข้อยกเว้นอีกต่อไป
ความคิดเห็น 0