ผู้ร่วมก่อตั้งแบงเคอรา(Bankera) บริษัทฟินเทคด้านคริปโต ถูกเปิดโปงว่าใช้เงินทุนจากการเสนอขายเหรียญครั้งแรก (ICO) เมื่อปี 2018 เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูในต่างประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตามรายงานจากโครงการรายงานอาชญากรรมและการทุจริตเชิงองค์กร (OCCRP) เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ซึ่งอ้างถึงเอกสารภายในและใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารที่รั่วไหล
รายงานดังกล่าวระบุว่า เงินระดมทุนจาก ICO มูลค่าประมาณ 100 ล้านยูโร (ราว 114 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,665 ล้านบาท) เกือบครึ่งหนึ่งถูกโอนเข้าไปยังธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศวานูอาตู ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 ของแบงเคอราร่วมกันถือครอง ได้แก่ วีเตาตาส คาราเลวีชีอุส(Vytautas Karalevičius), ยูสตาส โดบิเลียวสกัส(Justas Dobiliauskas) และมันตาส โมเควิชีอุส(Mantas Mockevičius)
จากนั้น ธนาคารดังกล่าวได้ปล่อยกู้หลายล้านยูโรให้กับบริษัทที่ผู้ก่อตั้งทั้งสามถือครอง เพื่อเริ่มสะสมพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ โดยสินทรัพย์ที่ถูกซื้อรวมถึงวิลลาหรูริมฝั่งริเวียร่าของฝรั่งเศส และอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีในประเทศลิทัวเนียซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งกิจการ
OCCRP วิเคราะห์ว่า กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โครงการ ICO ซึ่งควรจะอิงอยู่บน ‘ความเชื่อมั่นของนักลงทุน’ สามารถถูกบิดเบือนกลายเป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวได้ง่ายเพียงใด ความคิดเห็น: นี่เป็นอีกครั้งที่เน้นให้เห็นถึงการขาดการกำกับดูแลในวงการคริปโตซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตได้
จนถึงขณะนี้ แบงเคอรา รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสาม ยังไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับการจัดการเงินทุนในครั้งนั้นหรือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการใช้จ่ายเงินเหล่านั้น
ความคิดเห็น 0