บริษัทเซฟเฮรอน(Safeheron) ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลของสิงคโปร์ ได้เปิดตัว *เฟรมเวิร์ก Trusted Execution Environment (TEE)* แบบโอเพนซอร์สอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะช่วยยกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในหลายแขนงของวงการเว็บ3 ไม่ว่าจะเป็นการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi), บริการชำระเงิน และองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO)
ตามรายงานของบริษัทเมื่อวันที่ 24 เฟรมเวิร์กใหม่นี้เป็น TEE ตัวแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเทล SGX พร้อมออกแบบด้วยภาษา C++ ซึ่งเป็นภาษาวัตถุประสงค์ที่นิยมใช้ในระบบปฏิบัติการและระบบประสิทธิภาพสูง บริษัทให้เหตุผลในการเปิดโอเพนซอร์สเพราะต้องการเพิ่มความเร็วของนวัตกรรมและเสริมความปลอดภัยผ่านระบบนิเวศแบบเปิด
เวด หวัง(Wade Wang) ซีอีโอของเซฟเฮรอน กล่าวย้ำว่า *ระบบปิด* ต่างหากที่เป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรม พร้อมเสริมว่า TEE คือเทคโนโลยีที่สร้าง *โซนอับปลอดภัย* ภายในซีพียู (Enclave) เพื่อปกป้องข้อมูลและโค้ดจากการถูกเข้าถึงจากภายนอก แม้แต่การโจมตีในระดับฮาร์ดแวร์ก็ตาม ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้เริ่มได้รับความสนใจในภาคบล็อกเชนอย่างแพร่หลาย
*เทคโนโลยี TEE* ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในหลายกรณี เช่น บล็อกเชนที่เน้นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล, ระบบ Oracle, ตลาดแลกเปลี่ยน DEX และโซลูชันการชำระเงิน โดยมีตัวอย่าง เช่น โอเอซิสเน็ตเวิร์ก, ซีเคร็ตเน็ตเวิร์ก และพาลาเน็ตเวิร์ก รวมถึงเชนลิงก์ที่คาดว่าก็ใช้โซลูชันในลักษณะเดียวกัน
เฟรมเวิร์กของเซฟเฮรอนยังรองรับการสร้าง Enclave บนคลาวด์สาธารณะที่รองรับเซิร์ฟเวอร์อินเทล SGX บริษัทระบุว่ามีลูกค้าองค์กรแล้วกว่า 100 ราย เช่น เมตามาสก์(MetaMask), ดูกรุ๊ป(Doo Group) และแอมเบอร์กรุ๊ป(Amber Group) ด้วยยอดการโอนสะสมทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์หรือประมาณ 146 ล้านล้านวอนแล้วในขณะนี้
ทั้งนี้ เซฟเฮรอนเคยระดมทุนรอบ Pre-Series A ในเดือนสิงหาคม 2022 ได้เงินทุนรวมราว 7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 102 ล้านบาท) ซึ่งถูกนำไปใช้ในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการขยายองค์กร โดยบริษัทยังได้เผยความร่วมมือกับเมตามาสก์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในแง่ของแนวโน้มอุตสาหกรรม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา วิตาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้ง *อีเธอเรียม(ETH)* ก็เสนอให้ใช้ TEE เป็นโซลูชั่นระยะสั้นเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างผู้ใช้งานบล็อกเชนกับ RPC Node และยังย้ำถึงความต้องการกระเป๋าเงินที่มีฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอนยังได้เผยผลการศึกษาล่าสุด ซึ่งระบุว่า ระบบ ‘SNARK (Simple Non-revealing Argument of Knowledge)’ อาจมีช่องโหว่ภายในชั้น Circuit Layer โดย *TEE* สามารถช่วยป้องกันภัยคุกคามภายในเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำสำคัญในที่นี้คือ SNARK ซึ่งเป็นแกนหลักของโซลูชันด้านความเป็นส่วนตัวแบบ Zero-Knowledge ที่กำลังได้รับความนิยม
*ความคิดเห็น:* การที่เซฟเฮรอนเปิดโอเพนซอร์สในตลาดซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเชิงลึก นับว่าเป็นก้าวสำคัญที่อาจกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี TEE แบบกระจายมากขึ้นในระบบนิเวศของเว็บ3
ความคิดเห็น 0