Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

มาลิกีฟ้อง 2 บริษัทขุดบิตคอยน์ในสหรัฐฯ ฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี ECC

บริษัท มาลิกี อินโนเวชันส์(Malikie Innovations) ซึ่งเคยซื้อสิทธิบัตรที่ไม่ใช่หัวใจหลักจำนวนกว่า 32,000 รายการจากแบล็กเบอร์รีในปี 2023 ได้ยื่นฟ้องสองบริษัทขุดบิตคอยน์รายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้แก่ มาราธอน ดิจิทัล(MARA) และคอร์ ไซแอนติฟิก(CORZ) โดยกล่าวหาว่าทั้งสองละเมิดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ‘เทคนิคการเข้ารหัสแบบวงรี’ หรือที่รู้จักในชื่อ *Elliptic Curve Cryptography* (ECC) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของบล็อกเชนบิตคอยน์(BTC)

มาลิกีอ้างว่าเทคโนโลยี ECC เป็นหนึ่งในสิทธิบัตรที่ตนถือครอง จากการซื้อสินทรัพย์ทางปัญญาจากแบล็กเบอร์รี และบริษัทขุดคริปโตดังกล่าวนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อดำเนินการขุดบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง นักกฎหมายด้านสิทธิบัตร อารอน โบรแกน(Aaron Brogan) จากสำนักงานกฎหมาย Brogan Law กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า “นักลงทุนรายย่อยในบิตคอยน์ไม่น่าจะตกเป็นเป้าหมายของคดีลักษณะนี้ เนื่องจากโดยกฎหมายถือว่าเป็น ‘ลูกหนี้ที่บังคับคดีไม่ได้’” ในทางตรงกันข้าม บริษัทขุดคริปโตที่มีทรัพย์สินจำนวนมากจึงตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายกว่า

หากมาลิกีชนะคดี มูลค่าความเสียหายจากค่า ‘ลิขสิทธิ์ย้อนหลัง’ อาจสูงถึงช่วงเวลา 6 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงขั้นให้บริษัทขุดดังกล่าวล้มละลายได้ อย่างไรก็ตาม การคำนวณค่าชดเชยดังกล่าวอาจต้องผ่านการพิจารณาโดยละเอียดหลายขั้นตอนในชั้นศาล

ขณะเดียวกันชัยชนะทางกฎหมายจะเปิดทางให้มาลิกีสามารถดำเนินคดีฟ้องบริษัทขุดคริปโตอื่นๆ ในสหรัฐฯ ต่อไปได้ในอนาคต โดยโบรแกนเตือนว่า หากบริษัทเลือกทางนี้จริง อาจเป็น ‘ภัยคุกคามร้ายแรง’ ต่อความมั่นคงของเครือข่ายบิตคอยน์ อย่างไรก็ดี เขามองว่ามาลิกีน่าจะตั้งเป้าเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้เร็วที่สุดก่อนที่สิทธิบัตรจะหมดอายุ มากกว่าการโจมตีอุตสาหกรรมโดยรวม

ด้าน นิโค เดมชุค(Niko Demchuk) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ AMLBot บริษัทด้านนิติวิทยาศาสตร์คริปโตและการกำกับดูแล แสดงความเห็นว่า “คำร้องสิทธิบัตรนี้อาจไม่แข็งแรงเท่าที่มาลิกีคาดไว้” โดยชี้ว่าเทคโนโลยี ECC ที่บิตคอยน์นำมาใช้นั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว และสิทธิบัตรบางส่วนที่ใช้ฟ้องอาจหมดอายุไปแล้ว “แม้จะมีบางสิทธิบัตรที่ยังคงใช้ได้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องเฉพาะการใช้งานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มากกว่าจะครอบคลุมกลไกหลักของบิตคอยน์” เดมชุคกล่าว พร้อมเสริมว่า ผลตัดสินในคดีนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของสิทธิบัตรและการตีความของศาล

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิตคอยน์ต้องเผชิญกับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา ก่อนหน้านี้ เครก ไรต์(Craig Wright) ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น ‘ซาโตชิ นากาโมโตะ’ ผู้สร้างบิตคอยน์ เคยเรียกร้องให้ลบเอกสารไวท์เปเปอร์ของบิตคอยน์ออกจากเว็บไซต์ ‘bitcoin.org’ แต่ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถพิสูจน์ข้ออ้างในชั้นศาลได้ และเอกสารดังกล่าวก็ถูกนำกลับขึ้นเว็บไซต์อีกครั้ง

ไรต์ยังเคยยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีบล็อกเชนกว่า 100 รายการระหว่างปี 2017 ถึง 2019 เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของไปยังบางส่วนของเทคโนโลยีบิตคอยน์ คดีของมาลิกีจึงถูกมองว่าเป็น ‘ตอนใหม่’ ของความไม่แน่นอนทางกฎหมายที่รายล้อมบิตคอยน์มานานนับสิบปี

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1