โมเนโร(XMR) สกุลเงินดิจิทัลที่เน้นความเป็นส่วนตัว กำลังเผชิญกับ *การโจมตีแบบ 51% อย่างเต็มรูปแบบ* ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงจนถึงขั้นควบคุมบล็อกเชนทั้งหมด โดยข้อมูลนี้เผยแพร่โดย ชาร์ล กิเยเม(Charles Guillemet) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี(CTO) ของบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์วอลเล็ตระดับโลก ‘เลเจอร์’
เมื่อวันที่ 24 กิเยเมเปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า ขณะนี้ ‘โมเนโร’ กำลังถูกโจมตีจากผู้ที่ครอบครองอัตราแฮชสำหรับการขุดสูงเหนือเครือข่าย ทำให้สามารถ *ปรับโครงสร้างบล็อกเชน, เซ็นเซอร์ธุรกรรม และทำธุรกรรมซ้ำซ้อนได้* ซึ่งเป็นระดับการควบคุมที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเขาระบุชื่อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มขุดที่ชื่อ ‘คิวบิก(Qubic)’ แม้ Qubic จะเป็นเชนขนาดกลางที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพียงประมาณ 3 พันล้านบาท แต่กลับสามารถแทรกแซงเครือข่ายหลักของโมเนโรได้สำเร็จ
โมเนโร เริ่มต้นเมื่อปี 2014 โดยมีจุดขายด้าน ‘นิรนาม’ และ ‘ต้านการเซ็นเซอร์’ จึงถูกถอดออกจากหลายแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ และเป็นเป้าหมายของภาครัฐทั่วโลกมาโดยตลอด ‘การโจมตี 51%’ ครั้งนี้ ได้สะท้อน ‘ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง’ ของเครือข่ายดังกล่าวอย่างชัดเจน ความเห็นบางส่วนชี้ว่า นี่คือการเตือนภัยร้ายแรงต่อโมเดลสายความเป็นส่วนตัวทั้งหมดในวงการคริปโต
จากข้อมูลของ CTO เลเจอร์ พบว่า กลุ่มคิวบิกเริ่มสะสมแฮชเรตตั้งแต่หลายเดือนก่อน และเพิ่งเริ่มมีสัญญาณของการจัดระเบียบเชนใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ ‘ความสมบูรณ์ของโมเนโร’ และ ‘ความเชื่อมั่นของผู้ใช้’ ถูกสั่นคลอนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กิเยเมระบุว่า “ต้นทุนของการโจมตีระดับนี้ต่อวันอยู่ที่ราว 7,500 ล้านเยน(ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) แต่หากแรงกดดันทำให้ผู้ขุดรายอื่นถอนตัว เหลือเพียง ‘คิวบิก’ รายเดียวในระบบ โมเดลการขุดของ XMR จะเสียสมดุลโดยสิ้นเชิง”
เขายังเสริมว่า “หากไม่มีมาตรการตอบโต้โดยเร็ว มีโอกาสสูงมากที่ ‘คิวบิก’ จะเข้าครอบครองเครือข่ายทั้งหมดของโมเนโร และอาจไม่มีวันฟื้นกลับมาได้อีก” ขณะเดียวกัน ราคาของโมเนโร(XMR) ก็ปรับลดลงถึง 13% ทันทีหลังข่าวการถูกโจมตีแพร่กระจาย สะท้อนความวิตกจากนักลงทุนในตลาด
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็น *สัญญาณเตือนแรง* ต่อบล็อกเชนสายความเป็นส่วนตัวที่พึ่งพาระบบการขุดแบบเปิด เพราะหากไม่มีการกระจายอำนาจในระดับที่เพียงพอ ระบบดังกล่าวอาจเผชิญความเสี่ยงขั้นวิกฤตในอนาคต
ความคิดเห็น 0