บิตคอยน์(BTC) กลายเป็นจุดสนใจของตลาดอีกครั้ง หลังจากประสบความสำเร็จในการทะลุผ่านรูปแบบ ‘ธงกระทิง’ (Bull Flag) บนกราฟราคา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เริ่มแสดงสัญญาณความชื่นชอบในอัล트คอยน์มากยิ่งขึ้น โดยอัตราครองตลาดของบิตคอยน์ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จากระดับ 65% เหลือเพียง 59%
นักวิเคราะห์คริปโต Rekt Capital เปิดเผยว่า บิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้านจากรูปแบบธงกระทิงบนกราฟในระดับรายวันได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเทรนด์ขาขึ้นกำลังกลับมาอีกครั้ง จุดสำคัญอยู่ที่ระดับ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.668 ล้านบาท) ซึ่งเคยเป็นแนวต้าน และขณะนี้กำลังกลายเป็นแนวรับใหม่ของ BTC โดยคาดการณ์ว่าเป้าหมายถัดไปคือการทำ ‘ราคาสูงสุดตลอดกาล’ ใหม่
ตามข้อมูลปัจจุบัน ราคาของบิตคอยน์อยู่ที่ 120,307 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.671 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 1.08% จากเมื่อวาน ก่อนหน้านี้ราคาเคยอ่อนตัวลงไปถึงระดับ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.640 ล้านบาท) ซึ่งการดีดกลับในครั้งนี้ถือว่าสร้างแรงผลักดันให้ตลาดอย่างมาก Rekt Capital ยังได้นำเสนอภาพกราฟจาก TradingView เพื่อยืนยันแนวโน้มบวกในรอบนี้
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางการทะยานของ BTC นักลงทุนกลับเริ่มเบนความสนใจไปยังอัลต์คอยน์มากขึ้น ตามข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่าการลดลงของอัตราครองตลาดของบิตคอยน์ สะท้อนว่าตลาดกำลังเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า เห็นได้จากอีเธอเรียม(ETH) ที่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปแตะระดับ 4,685 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.509 ล้านบาท) ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาอีเธอเรียมในปี 2025 จากเดิม 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 แสนบาท) เป็น 7,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.042 ล้านบาท) สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของ ETH ในระยะกลางถึงยาว
ในส่วนของอัลต์คอยน์อื่นๆ อย่างริปเปิล(XRP), ไบนานซ์คอยน์(BNB) และโซลานา(SOL) ก็ไม่ได้น้อยหน้า โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2%, 5.6% และ 13.7% ตามลำดับ โดยเฉพาะโซลานาซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ ‘ฤดูกาลของอัลต์คอยน์’ หรืออัลท์ซีซั่นเริ่มเข้ามามีบทบาทแทนการขึ้นราคาระลอกใหม่ของ BTC
จากภาพรวมทั้งหมด สะท้อนว่าตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วงของการขยายตัวจากสินทรัพย์เดี่ยวอย่างบิตคอยน์ไปยังระบบนิเวศที่หลากหลายมากขึ้น *ความคิดเห็น* สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและแตกแขนงยิ่งขึ้นในอนาคต ทั้งในเชิงเทคโนโลยีและกลไกเศรษฐกิจในโลกดิจิทัล
ความคิดเห็น 0