แม้ว่าเทคโนโลยีของคริปโตจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปี 2025 แต่ปัญหาเรื่อง *รหัสผ่านกระเป๋าเงินและวลีซีด* ที่หายไป ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ โดยเฉพาะหากสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินที่ถือสินทรัพย์สำคัญ อย่าง *บิตคอยน์(BTC)* ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจย้อนกลับไม่ได้ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างสูง
ตามข้อมูลจากบริษัทด้านความปลอดภัยคริปโตอย่าง *เลเชอร์(Ledger)* ณ ต้นปี 2025 คาดว่าบิตคอยน์ที่หายไปอย่างถาวรมีมากถึง 3.7 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 17% ของปริมาณทั้งหมดในระบบ ซึ่งตีเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว *5.14 ล้านล้านวอน* ขณะเดียวกัน *สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ(FBI)* ยังรายงานเมื่อปี 2024 ว่า มูลค่าความเสียหายจากการฉ้อโกงการลงทุนในคริปโตสูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว *1.29 ล้านล้านวอน* โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่คือกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อของกลโกงที่เรียกว่า ‘*มิจฉาชีพกู้คืนกระเป๋าเงิน*’ ซ้ำเติมความสูญเสีย
แม้ปัญหาดังกล่าวจะร้ายแรง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก โดย *โอกาสในการกู้คืนสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับประเภทของกระเป๋าเงินที่ใช้* ขั้นแรกควรระบุให้แน่ชัดว่ากระเป๋าเงินของตนจัดอยู่ในรูปแบบใด
หากเป็น *กระเป๋าเงินแบบคัสโตเดียล (Custodial Wallet)* ซึ่งโดยทั่วไปให้บริการโดยศูนย์แลกเปลี่ยนเช่น *ไบแนนซ์*, *คราเคน*, หรือ *คอยน์เบส* รหัสผ่านและคีย์ส่วนตัวจะถูกจัดเก็บโดยแพลตฟอร์มเอง จึงสามารถกู้คืนได้ผ่านการยืนยันตัวตนผ่านอีเมล หรือขั้นตอน *รู้จักลูกค้า (KYC)* ทำให้การลืมรหัสผ่านไม่ใช่ปัญหาที่ถึงขั้นทำให้สูญเสียสินทรัพย์ถาวร
ในทางกลับกัน หากใช้ *กระเป๋าเงินแบบไม่รับฝาก (Non-Custodial Wallet)* เช่น *เมต้าแมสก์*, *ทรัสต์วอลเล็ต*, หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่าง *เลเชอร์* ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบต่อคีย์ส่วนตัวและวลีซีดด้วยตนเอง หากลืมรหัสผ่านแต่ยังมีวลีซีด ก็สามารถกู้คืนกระเป๋าได้โดยตั้งรหัสผ่านใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หาก *สูญเสียทั้งรหัสผ่านและวลีซีดพร้อมกัน จะไม่สามารถเข้าถึงเงินได้อีกต่อไป* โดยตลาดคริปโตจะจัดประเภทสินทรัพย์เหล่านี้ว่า ‘*เหรียญตาย*’
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใช้บางรายอาจถูกล่อลวงจากบริการบอกว่าจะช่วยกู้คืนสินทรัพย์ แต่กลายเป็นว่าเป็น ‘*การหลอกลวงซ้ำซ้อน*’ แทน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า *บริการที่น่าเชื่อถือจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า* และควรแสดงเอกสารรวมถึงกรณีศึกษาความสำเร็จอย่างโปร่งใส หากพบพฤติกรรมน่าสงสัยหรือเรียกเงินจำนวนมากเกินควรหยุดทันที และขอคำยืนยันจากบุคคลที่สาม
ท้ายที่สุด การลืมรหัสผ่านหรือวลีซีดไม่ได้หมายความว่าต้องยอมแพ้ทันที สิ่งสำคัญคือไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องประเมินประเภทกระเป๋าเงินและดำเนินขั้นตอนขอคืนอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ *การสำรองและเก็บรักษาวลีซีดอย่างปลอดภัย* เพราะอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้อยู่แค่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ ‘*ความรับผิดชอบของผู้ใช้*’ ด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น 0