ตลาดบิตคอยน์(BTC)กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานว่าทรัมป์กำลังผลักดันให้มีการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ที่รัฐอะแลสกา พร้อมทั้งเสนอแนวคิด ‘การแลกเปลี่ยนดินแดน’ ระหว่างรัสเซียและยูเครน การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกล่าสุดนี้ส่งสัญญาณความพยายามของผู้นำยุโรปหลายประเทศในการเข้ามามีบทบาทต่อการเจรจาสร้างสันติภาพ ซึ่งในภาคการเงิน การวิเคราะห์ ‘สถานการณ์คลี่คลายทางการทูต’ ได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจสั่นสะเทือนราคาสินทรัพย์รวมถึงคริปโต
ข้อตกลงทางการทูตในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ระหว่างประเทศธรรมดาสำหรับบิตคอยน์ แต่ยังอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กระทบต่อ *แนวโน้มเงินเฟ้อ*, *ต้นทุนพลังงาน*, และ *ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย* ผ่านกลไกความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งปัจจุบันราคาบิตคอยน์ได้รับแรงส่งหลักจาก *เงินทุนที่ไหลเข้าผ่าน ETF แบบซื้อขายจริง*, รวมถึง *สภาวะเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้* หรือ risk sentiment ที่เปราะบางต่อข่าวสารเชิงลึกในระดับมหภาคอย่างมาก
ย้อนกลับไปในช่วงต้นสงครามปี 2022 บิตคอยน์เคยร่วงอย่างหนักในวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ถัดมาก็เด้งกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดได้ถึง *27%* แสดงให้เห็นว่า *บิตคอยน์มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยมหภาค* และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหากความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจฟื้นกลับมา
สำหรับการเจรจาครั้งนี้ ผลลัพธ์อาจออกมาได้สามแนวทางหลัก แนวทางแรกคือการบรรลุ ‘ข้อตกลงหยุดยิงอย่างมั่นคง’ ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อ และอาจเพิ่มแรงซื้อในคริปโตโดยเฉพาะบิตคอยน์ แนวที่สองเป็น ‘ข้อตกลงเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่มีผลชัดเจน’ ซึ่งจะทำให้ตลาดรวมทั้งบิตคอยน์มีแนวโน้มแกว่งตัวไร้ทิศทาง ส่วนแนวทางสุดท้ายคือ ‘ความล้มเหลวของการเจรจา’ ที่นำไปสู่การสู้รบที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง ในกรณีนี้บิตคอยน์อาจกลับเข้าสู่โหมดกระแสขาย เนื่องจากถูกมองว่าเป็น ‘สินทรัพย์เสี่ยง’
สิ่งที่ต่างไปในปี 2025 คือการที่ *ETF แบบซื้อขายจริง* ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญที่เชื่อมโยงบิตคอยน์กับข่าวสารทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โดยตรง นักลงทุนจึงควรติดตามรายละเอียดของการเจรจาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เพียงเกี่ยวข้องกับนโยบายระหว่างประเทศ หากยังอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดคริปโตทั้งระบบในระยะข้างหน้าอีกด้วย
ความคิดเห็น 0