เครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญแรงกดดันใหม่ หลังพบว่า *ปริมาณเหรียญที่รอการถอนจากการสเตกกิ้ง* (Unstaking) ทะลุจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขณะนี้มีอีเธอเรียมราว 877,106 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.3 หมื่นล้านวอน หรือราว 388 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังอยู่ในสถานะ ‘รอถอน’ และต้องใช้เวลาเฉลี่ย *15 วัน* จึงจะสามารถถอนออกได้
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชนอย่าง ValidatoQ เผยว่า *อีเธอเรียมกว่า 29.5% ของอุปทานรวมทั้งหมด* หรือมากกว่า 35.3 ล้าน ETH ได้ถูกนำไปสเตกเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ซึ่งขณะนี้มีจำนวนผู้ตรวจสอบเครือข่าย (Validator) ทะลุ 1.08 ล้านราย โดยมากกว่าครึ่งถูกสเตกผ่านพูลชื่อดังอย่าง *ไลโด(Lido), อีธไฟ(EthFi)* และ *คอยน์เบส(Coinbase)*
นอกจากยอดถอนที่เพิ่มขึ้น *สถาบันการเงินก็หันกลับมาให้ความสนใจกับอีเธอเรียมอย่างชัดเจน* โดยปริมาณการถือครอง ETH จากกองทุนเชิงกลยุทธ์และ ETF (กองทุนดัชนี) เพิ่มขึ้นมากกว่า *140%* หลังจากวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่ากระแสเงินทุนจากสถาบันอาจช่วยประคองราคาในภาวะที่มีแรงขาย
ในด้านเทคนิค ตลาดยังจับตาระดับแนวรับที่ *4,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.8 ล้านบาท)* โดยหากราคาร่วงหลุดจุดนี้ อาจส่งผลให้มี *ตำแหน่งซื้อ (Long Position)* มูลค่าเกิน 1.2 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านวอน ต้องเผชิญความเสี่ยงแรงขายจากการโดนปิดสถานะโดยระบบ
ในขณะที่เม็ดเงินจากสถาบันไหลกลับเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง ปริมาณเหรียญที่รอถอนออกจากการสเตกก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ภาวะสมดุลที่เปราะบาง ซึ่งทำให้ *อีเธอเรียมอยู่บนรอยต่อสำคัญของการเปลี่ยนแปลงราคาอีกครั้ง* ความสามารถของตลาดในการรักษาเสถียรภาพราคา ท่ามกลางคลื่นทุนเข้าและออก จะเป็นปัจจัยชี้วัดทิศทางในระยะสั้นต่อไป
*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดยังไม่สามารถนิ่งได้ แม้จะมีสัญญาณบวกจาก ETF และการถือครองของสถาบัน แต่หากแรงถอนจากนักลงทุนรายย่อยยังคงเพิ่มขึ้น ราคาก็อาจเผชิญแรงสั่นคลอนต่อเนื่องในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0