แซมสัน โมว์(Samson Mow) ผู้สนับสนุน *บิตคอยน์(BTC)* อย่างชัดเจน ได้ออกมาเตือน *ผู้ถือครองอีเธอเรียม(ETH)* ว่านี่อาจเป็น “โอกาสสุดท้าย” ที่จะเปลี่ยนมาใช้ BTC ก่อนที่ราคาจะเริ่มร่วงลง เขาเผยแพร่คำเตือนนี้ผ่านโซเชียลมีเดียซ้ำอีกครั้ง สร้างกระแสถกเถียงในวงกว้าง พร้อมเน้นว่าเวลาสำหรับการตัดสินใจใกล้จะหมดลงแล้ว
โมว์ย้ำจุดยืนเชิงลบต่ออีเธอเรียม โดยแสดงความเห็นว่า “ETH ไม่มีทางแซง BTC ได้” พร้อมเผยว่าปัจจุบันมีอีเธอเรียมราว *768,400 ETH* หรือราว *3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ *48,650 ล้านบาท*) กำลังรอการถอนออก ซึ่งเขามองว่าอาจสร้างแรงกดดันด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาด และนำไปสู่การลดลงของราคา ETH ได้ในระยะใกล้
เขายังระบุเพิ่มเติมว่า “นี่คือโอกาสสุดท้ายในการขาย ETH ที่อัตรา *0.03 BTC* ขึ้นไป” พร้อมกระตุ้นให้นักลงทุนตัดสินใจอย่างเร่งด่วน โดยพิจารณาถึงข้อจำกัดของระบบ ที่ต้องใช้เวลารอคิวถอนเหรียญประมาณ 2 สัปดาห์ และอีก 9 วัน สำหรับการชำระเงิน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาของ ETH ในระยะสั้น
ในทางกลับกัน โมว์ยังคงมองบิตคอยน์ในมุมบวกอย่างเด่นชัด โดยเขากล่าวว่า *บิตคอยน์อาจพุ่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์* (ประมาณ *13.9 ล้านบาท*) ได้ จากภาวะ ‘ช็อกซัพพลาย’ ที่อาจเกิดขึ้น เมื่ออุปทานลดลงแต่ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการ ‘ฮาล์ฟวิ่ง’ รอบที่ 4 ในเดือนเมษายนปี 2024 มาบรรจบกับการเข้าซื้อผ่าน ETF ยิ่งอาจกระตุ้นภาวะตลาดให้พุ่งแรงจนเกิดภาวะ ‘Godzilla Rally’
ในช่วงนี้ ความเคลื่อนไหวจากภาครัฐก็เสริมส่งทิศทางนี้เช่นกัน หลังจาก *ประธานาธิบดีทรัมป์* ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ทำให้ *สก็อตต์ เบสเซนท์* รัฐมนตรีคลังสหรัฐออกแถลงการณ์ถึงแนวทางการใช้บิตคอยน์เป็น *สินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์* โดยตรง ด้านบริษัทเอกชนอย่าง *Strategy* และ *Metaplanet* ก็ยังคงเก็บสะสม BTC อย่างต่อเนื่อง จุดนี้เองที่นักวิเคราะห์หลายรายเริ่มแสดงความกังวล ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนเหรียญ เพราะจาก *จำนวนเหรียญสูงสุด 21 ล้าน BTC* ปัจจุบันมีการขุดแล้วกว่า *19 ล้าน BTC* เข้าใกล้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นในทิศทางการพุ่งแรงของ BTC นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง *ไมค์ โนโวกราตซ์(Mike Novogratz)* แสดงความเห็นว่า การจะเห็น BTC แตะ 1 ล้านดอลลาร์ ต้องเกิดกรณีสุดขั้ว เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐล่มสลายจนอยู่ในระดับเดียวกับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเขาชี้ว่า ภาวะเงินเฟ้อสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก อาจยิ่งเร่งให้สถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นเร็วขึ้นกว่าที่คาด
คำเตือนของแซมสัน โมว์จุดกระแสถกเถียงถึงอนาคตระหว่าง *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* อีกครั้ง และดูเหมือนว่า *การตอบสนองของผู้ถือครอง ETH ต่อคำเตือนนี้* จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0