ราคาบิตคอยน์(BTC) และตลาดสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวอ่อนค่าลงพร้อมกัน หลังข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์ร่วงลงแตะระดับ 57,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.92 ล้านบาท) กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายยังคงตั้งความหวังว่าบิตคอยน์อาจกลับมาทะลุระดับ ‘11 หมื่นดอลลาร์’ (ประมาณ 15.29 ล้านบาท) ได้ในอนาคต
การปรับฐานครั้งนี้มีสาเหตุมาจากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสิทธิประกันการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ประมาณ 238,000 ราย ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดเริ่มวิตกว่า *ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)* อาจชะลอการลดดอกเบี้ยออกไปอีก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีดอลลาร์(Dollar Index) ขยับแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ การแข็งค่าของดอลลาร์เช่นนี้ได้กดดันความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโตเคอร์เรนซีและทองคำ ซึ่งราคาทองคำก็ปรับลดลงในวันเดียวกัน
ขณะที่ราคาบิตคอยน์กำลังทดสอบแนวรับบริเวณ 57,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ว่าแรงขายยังคงได้เปรียบ แต่ยังมีมุมมองที่เชื่อว่าราคาอาจ *ย่อตัวระยะสั้นก่อนกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง* โดยมีเป้าหมายระดับ ‘11 หมื่นดอลลาร์’ เป็นระดับที่ “มีโอกาสบรรลุได้” ในช่วงถัดไป
ด้านการเมือง ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของตลาดคริปโต โดยถ้อยแถลงล่าสุดของเขาที่ยืนฝั่งสนับสนุนคริปโต ได้ส่งแรงหนุนเชิงบวกต่อกระแสลงทุนใน *บิตคอยน์ ETF* โดยเฉพาะหมู่สถาบัน ที่เริ่มกลับมามองแนวโน้มในแง่บวก
นักวิเคราะห์เตือนว่าการผสมระหว่าง ‘ตัวเลขแรงงานที่แข็งแกร่ง’, ‘ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า’ และ ‘ความไม่แน่นอนทางการเมือง’ อาจเพิ่มความปั่นป่วนให้ตลาดคริปโตในระยะสั้น นักลงทุนจึงจับตาทั้งท่าทีของเฟดและการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปีนี้
ความคิดเห็น 0