บิตคอยน์(BTC) ร่วงหนัก เสี่ยงหลุดระดับ 80,000 ดอลลาร์
บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับความเสี่ยงในการร่วงลงต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาณขาลงเริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์กังวลถึงแนวโน้มการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลงถึง 7.4% ภายใน 24 ชั่วโมง แตะระดับ 89,500 ดอลลาร์ นับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นักวิเคราะห์ระบุว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาดิ่งลง มาจากนโยบายภาษีของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ การเทขายจากนักลงทุนสถาบัน การไหลออกของเงินทุนจากกองทุน ETF และสัญญาณทางเทคนิคที่ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาลง
การปรับขึ้นภาษีของทรัมป์ส่งแรงกดดันต่อตลาด
ตลาดคริปโตรับแรงกดดันจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ ซึ่งประกาศแผนเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก โดยเฉพาะภาษีนำเข้าพลังงานจากแคนาดาที่เพิ่มขึ้นอีก 10% ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และลดความเชื่อมั่นต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
การเทขายครั้งใหญ่ส่งผลให้ราคาเร่งตัวลง
ข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่า ตลาดฟิวเจอร์สบิตคอยน์มีการชำระบัญชี (Liquidation) มากถึง 516.93 ล้านดอลลาร์ (ราว 7,450 ล้านบาท) ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่มาจากฝั่งผู้ซื้อ (Long Position) ซึ่งทำให้เกิดแรงเทขายซ้ำเติมจนราคาปรับตัวลงต่อเนื่อง
ETF เสียเงินทุนหนัก เพิ่มแรงกดดันตลาด
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้กองทุน ETF บิตคอยน์สูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 17-25 กุมภาพันธ์ มียอดเงินไหลออกถึง 1.77 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.55 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งมียอดเงินไหลออกสูงถึง 516.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 7,450 ล้านบาท) เพิ่มแรงขายในตลาดมากขึ้น
สัญญาณทางเทคนิคชี้ไปยังจุดต่ำสุดถัดไป
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมองว่า บิตคอยน์กำลังเคลื่อนตัวในโซนขาลง โดยรูปแบบกราฟล่าสุดบ่งชี้ถึง ‘Double Top’ ซึ่งหากรูปแบบนี้สมบูรณ์ อาจทำให้ราคาของบิตคอยน์ร่วงต่อไปสู่เป้าหมายที่ 77,500 ดอลลาร์ หรือปรับตัวลงอีกประมาณ 13% จากระดับปัจจุบัน
แม้ว่าบางฝ่ายจะเชื่อว่าการร่วงลงครั้งนี้เป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้น และแนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคและพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบัน จะเป็นตัวแปรหลักที่กำหนดทิศทางราคาของบิตคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0