แนคาโมโตโฮลดิงส์(Nakamoto Holdings) บริษัทผู้ถือครองบิตคอยน์(BTC) ได้เผชิญกับความวุ่นวาย หลังจากการระดมทุนจากนักลงทุนเอกชนที่ตั้งใจนำมาใช้ซื้อบิตคอยน์กลับกลายเป็นหายนะ เมื่อราคาหุ้นพุ่งถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จากนั้นกลับร่วงลงกว่า 98% ทำให้มูลค่าตลาดหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐหายวับไปในช่วงเวลาไม่นาน
บริษัทแนคาโมโตโฮลดิงส์ก่อตั้งโดยเดวิด เบลีย์(David Bailey) ซีอีโอของ Bitcoin Magazine โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการถือครองบิตคอยน์ และได้กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนผ่านการควบรวมกิจการกับ KindlyMD บริษัทด้านสุขภาพจากรัฐยูทาห์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน แนคาโมโตโฮลดิงส์ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทจดทะเบียนที่ถือครองบิตคอยน์ในระดับสูง
ปัญหาหลักเกิดจากรูปแบบการจัดหาเงินทุน โดยบริษัทได้ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า PIPE หรือ ‘การลงทุนเอกชนในบริษัทจดทะเบียน’ (Private Investment in Public Equity) ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่ซื้อหุ้นในราคาลดพิเศษ แต่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อหุ้น PIPE จำนวนมากหมดระยะเวลาห้ามขาย นักลงทุนก็เทขายทิ้งในตลาดพร้อมกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงหนักและสร้างแรงกระแทกครั้งใหญ่
เดวิด เบลีย์ กล่าวกับ Forbes ว่า “เมื่อแรงขายมาถล่ม มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก็หายไปในพริบตา” พร้อมชี้ว่า วิกฤตครั้งนี้ถือเป็นการปรับฐานที่จำเป็นในระยะยาว “เงินทุนที่แสวงหากำไรระยะสั้นกำลังสร้างต้นทุนที่มหาศาลให้กับเรา” เขากล่าว และเน้นว่าบริษัทต้องการ “พันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ระยะยาว” แทน
ในปัจจุบัน แนคาโมโตโฮลดิงส์ยังคงถือครองบิตคอยน์จำนวน 5,765 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 653 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,510 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลของเว็บไซต์ Bitcoin Treasuries ระบุว่าบริษัทนี้ติดอันดับที่ 19 ของโลกสำหรับการถือครองบิตคอยน์ในหมู่บริษัทจดทะเบียน
*ความคิดเห็น*: การใช้ PIPE อย่างเร่งรีบแม้จะช่วยเสริมสภาพคล่องระยะสั้น แต่ก็ทำลายความเชื่อมั่นในตลาดอย่างหนัก โครงสร้างการเงินที่เปราะบางของบริษัทจดทะเบียนเช่นนี้ สะท้อนข้อจำกัดของโมเดลธุรกิจในวงการคริปโต ซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญท่ามกลางกระแสสนับสนุนการจัดตั้งบิตคอยน์ ETF และความพยายามดึงคริปโตเข้าสู่ตลาดทุนกระแสหลัก
ความคิดเห็น 0