โซไฟ(SoFi) ธนาคารที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐของสหรัฐฯ ได้เปิดให้บริการซื้อขายคริปโตอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งประกาศรองรับริปเปิล(XRP) เป็นหนึ่งในเหรียญหลัก ส่งผลให้ความคาดหวังของนักลงทุน XRP พุ่งสูงขึ้น โดยบริการใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายคริปโตผ่านบัญชีธนาคารของโซไฟได้โดยตรง นับเป็นก้าวสำคัญที่เชื่อมโยง ‘ระบบการเงินดั้งเดิม’ กับ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ อย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 11 (เวลาท้องถิ่น) โซไฟประกาศว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการซื้อขายคริปโตผ่านบัญชีธนาคารของตนเองได้ทันที กลายเป็นธนาคารรัฐแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ให้บริการนี้อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการสนับสนุน ‘ริปเปิล(XRP)’ ส่งผลให้ชุมชนคริปโตให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
ข่าวนี้ได้รับการเผยแพร่รวดเร็วหลังจากที่ แชด สไตน์เกรเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ด้านคริปโตชื่อดัง เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเขากล่าวว่า “การตัดสินใจของโซไฟคือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการคริปโตที่ขับเคลื่อนโดยธนาคารที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ” พร้อมเสริมว่าเป็น “หมุดหมายสำคัญที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการเงินดั้งเดิมและดิจิทัลค่อยๆ จางลง”
ราคาของริปเปิล(XRP) เพิ่งปรับขึ้นเกิน 10% ในระยะสั้นก่อนปรับฐาน และประกาศของโซไฟในครั้งนี้ยิ่งช่วยเพิ่มความสนใจให้กับ XRP อีกครั้ง หลายฝ่ายมองว่าโอกาสการอนุมัติ ‘กองทุน ETF คริปโต’ และความชัดเจนเรื่องข้อกำกับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้สถาบันเริ่มหันมาลงทุนใน XRP มากขึ้น ทำให้ XRP ก้าวเข้าหาสถานะ ‘สินทรัพย์ภายใต้ระบบกฎหมาย’ ได้อย่างต่อเนื่อง
โซไฟมีชื่อเสียงในการผสานนวัตกรรมทางการเงินกับโครงสร้างธนาคารดั้งเดิม และขยายบริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแข็งขัน โดยในปี 2025 โซไฟมีแผนเปิดให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของโซไฟมี ‘ความหมายเชิงสัญลักษณ์’ ต่อทิศทางของธนาคารในสหรัฐฯ ที่เริ่มรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงิน โดยเฉพาะเหรียญที่สามารถเอาชนะความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบอย่าง XRP มีแนวโน้มได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมคริปโตเชื่อว่าการเปิดตัวบริการนี้อาจเป็นต้นแบบให้ธนาคารรายใหญ่อื่นๆ กระโดดเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเร่งการยอมรับในวงกว้างและการกำกับดูแลที่เหมาะสมในอนาคต ความเคลื่อนไหวของ ‘โซไฟ’ ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เพียงก้าวของธนาคารเดียว แต่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้งอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0