คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ภายใต้การนำของประธานคนใหม่ พอล แอตกินส์ (Paul Atkins) ได้ลดจำนวนกิจกรรมด้านการบังคับใช้กฎเกณฑ์ลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันบรรยากาศการกำกับดูแลในแวดวงคริปโตก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ผ่อนปรนมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ตามรายงานของ Cornerstone Research พบว่าจำนวน ‘การดำเนินการบังคับใช้กฎ’ (enforcement actions) โดย SEC ในปีงบประมาณ 2025 ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน
รายงานระบุว่า แนวโน้มนี้สอดคล้องกับรูปแบบทั่วไปหลังการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ SEC จากช่วงที่ แกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ดำรงตำแหน่ง มีคดีและการสอบสวนน้อยลงอย่างเด่นชัด
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือในเดือนกุมภาพันธ์ SEC ได้ถอนฟ้องคดีสำคัญกับบริษัท คอยน์เบส(Coinbase) อย่างเป็นทางการ ซึ่งรายงานชี้ว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงทิศทางใหม่ภายใต้การนำของแอตกินส์ ที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง *มีหลักการ มีเหตุผล และสม่ำเสมอ*
ในถ้อยแถลงที่ผ่านมา แอตกินส์เคยกล่าวชัดว่าการวาง *กรอบกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเสถียรสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล* คือภารกิจหลักของเขา ดังนั้นท่าทีของ SEC จึงเริ่มปรับจากการฟ้องร้อง มาเป็นการออกแนวทางปฏิบัติ (guidelines) เพื่อชี้แนะให้ผู้ประกอบการสามารถทำตามได้
*ความคิดเห็น* ท่าทีที่ผ่อนคลายของ SEC อาจส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของตลาดคริปโตในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อความเสี่ยงด้านกฎหมายลดลง นักลงทุนอาจมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาในสินทรัพย์หลักอย่าง บิตคอยน์(BTC) และสกุลอื่น ๆ
แต่ในระยะยาว นักวิเคราะห์เตือนว่า หากไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนเพียงพอ ความไม่แน่นอนทางกฎหมายอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการคุ้มครองผู้ลงทุน และกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตลาดในภายหลัง
*ความคิดเห็น* ในสถานการณ์ที่กฎระเบียบเริ่มเบาบางลง นักลงทุนอาจหันมาให้ความสำคัญกับเหรียญที่มีเทคโนโลยีเข้มแข็งและฐานผู้ใช้งานมั่นคง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายคือต้องจับตาว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะก้าวไปถึงระดับการผลักดันให้เกิด ‘กฎหมายที่ชัดเจน’ หรือยังคงจำกัดอยู่เพียงแนวทางชั่วคราวเท่านั้น
ความคิดเห็น 0