เดวิด แซคส์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลนโยบายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่าในขณะนี้เขาไม่ได้ถือครอง ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ใดๆ
เมื่อวันที่ 2 แซคส์โพสต์ผ่าน X ว่า “ผมได้ขายคริปโตทั้งหมดก่อนเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาล” พร้อมชี้แจงว่าได้ขาย ‘บิตคอยน์(BTC)’, ‘อีเธอเรียม(ETH)’ และ ‘โซลานา(SOL)’ ไปแล้วก่อนหน้านี้ คำชี้แจงนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้รายงานของ ‘ไฟแนนเชียล ไทมส์(FT)’ ที่อ้างว่า ‘คราฟต์ เวนเจอร์ส’ บริษัทลงทุนที่เขาก่อตั้ง ยังคงถือหุ้นอยู่ในสตาร์ทอัปคริปโตบางแห่ง
ตามรายงานของ FT ซึ่งอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า “หลังประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งไม่นาน แซคส์และคราฟต์ เวนเจอร์สได้ขายสินทรัพย์คริปโตที่พวกเขาถืออยู่” ทั้งนี้ คราฟต์ เวนเจอร์ส ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ณ ซานฟรานซิสโก ได้เปิดตัวกองทุนสี่กอง และเพิ่งปิดการระดมทุนรอบใหม่ที่มูลค่า 712 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า คราฟต์ เวนเจอร์ส ได้ลงทุนในบริษัทด้านคริปโต เช่น ‘บิทไวซ์(Bitwise)’ และ ‘บิทโก(BitGo)’ รวมถึง ‘เมตา(Meta)’, ‘เรดดิต(Reddit)’ และ ‘X’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่ นอกจากนี้ ในปี 2018 แซคส์ยังได้ลงทุนใน ‘มัลติคอยน์ แคปิทอล(Multicoin Capital)’ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในระบบนิเวศของโซลานาโดยเฉพาะ
ที่น่าสนใจคือ แซคส์เพิ่งกล่าวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงรักษาคำมั่นที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมคริปโต” พร้อมชื่นชมการประกาศเรื่อง ‘ทุนสำรองคริปโตเชิงกลยุทธ์’ ของรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ในวันที่ 7 นี้ ทำเนียบขาวจะจัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยคริปโตเป็นครั้งแรก โดยมีหัวข้อต่างๆ เช่น ‘กฎระเบียบตลาดคริปโต’, ‘สเตเบิลคอยน์’ และ ‘ทุนสำรองคริปโตเชิงกลยุทธ์’ เป็นประเด็นหลัก
ขณะเดียวกัน เอริก ทรัมป์ บุตรชายของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้กล่าวถึง ‘ช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศทุนสำรองคริปโต’ ว่าเป็น “การตัดสินใจที่ชาญฉลาด” พร้อมเน้นย้ำว่า ‘ภาคการเงินแบบดั้งเดิม’ จำเป็นต้องปรับตัวให้รวดเร็ว นอกจากนี้ นักลงทุนอย่าง ‘แอนโทนี ปอมเปลียโน(Anthony Pompliano)’ ได้แสดงความเห็นว่า “ตลาดคริปโตยังคงเคลื่อนไหวแม้เวลาทำการของวอลล์สตรีทมีข้อจำกัด” พร้อมเรียกร้องให้ ‘วอลล์สตรีท’ ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้ทันการณ์
ความคิดเห็น 0