ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหาร จัดตั้ง ‘คลังสำรองบิตคอยน์’ ของสหรัฐ
เมื่อวันที่ 7 ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง ‘คลังสำรองบิตคอยน์(SBR)’ อย่างเป็นทางการ เดวิด แซกส์ ที่ปรึกษานโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลของทำเนียบขาว อธิบายว่าคลังดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยประมาณ 200,000 บิตคอยน์(BTC) ที่รัฐบาลกลางได้รับจากกระบวนการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม หลังการประกาศไม่นาน ราคาของ BTC ร่วงลง 6% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่านี่เป็นปัจจัยบวกในระยะยาว
แมตต์ ฮูแกน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน(CIO) ของบิตไวส์(Bitwise) กล่าวว่า “การที่สหรัฐถือครอง BTC ในเชิงยุทธศาสตร์ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีแนวโน้มลดการแทรกแซงด้วยการแบนบิตคอยน์” พร้อมเสริมว่า “เมื่อสหรัฐยอมรับ BTC อย่างเป็นทางการ ประเทศอื่นๆ ก็อาจเริ่มพิจารณาสะสม BTC เป็นของตนเอง” ข้อมูลจากบิตคอยน์เทรเชอรี(BitBO) ระบุว่าขณะนี้รัฐบาลสหรัฐถือครองประมาณ 207,189 BTC (มูลค่าประมาณ 18 ล้านล้านวอน) ตามมาด้วยจีนและสหราชอาณาจักรที่ถือครอง 194,000 BTC และ 61,000 BTC ตามลำดับ
แนวทางดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ฮูแกนแสดงความคิดเห็นว่า “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และองค์กรอื่นๆ อาจเผชิญความยากลำบากในการปฏิเสธ BTC ในอนาคต” นอกจากนี้ “เมื่อรัฐบาลสหรัฐถือครอง BTC เอง สถาบันการเงิน กองทุนบำเหน็จบำนาญ และนักลงทุนรายใหญ่ก็มีเหตุผลมากขึ้นในการรวมสินทรัพย์นี้เข้าไปในพอร์ตการลงทุน”
เดวิด มาร์คัส ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งไลท์สปาร์ก(Lightspark) มองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ “เป็นทางสายกลางที่เหมาะสม” และย้ำว่า “การยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสหรัฐจะส่งเสริมสถานะของบิตคอยน์ในระดับสถาบัน”
ขณะเดียวกัน ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอของคอยน์เบส(Coinbase) เชื่อว่า “กลุ่มประเทศ G20 กำลังจับตามอง และมีแนวโน้มที่จะเดินตามแนวทางของสหรัฐ” ท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ในตลาดการเงินโลก การตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวทางนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0