ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อสะสมบิตคอยน์(BTC) ระดับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้บิตคอยน์ที่รัฐบาลถือครองจะไม่ถูกขายออกไป แต่จะถูกเก็บรักษาในระยะยาว
เมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) เดวิด แซกส์ ผู้ดูแลนโยบายคริปโตของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อยืนยันการสำรองบิตคอยน์ในเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ" โดยคำสั่งนี้ครอบคลุมถึงบิตคอยน์ที่ได้รับจากการยึดทรัพย์สินทางอาญาและคดีแพ่ง นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้สั่งการให้มีการตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดที่ครอบครองอยู่
ปัจจุบัน สหรัฐฯ คาดว่ามีบิตคอยน์อยู่ในความครอบครองประมาณ 200,000 BTC ซึ่งภายใต้คำสั่งนี้ รัฐบาลจะเก็บรักษาสินทรัพย์ดังกล่าวในลักษณะเดียวกับ ‘ทองคำดิจิทัล’ แซกส์กล่าวเพิ่มเติมว่า "การสำรองบิตคอยน์นี้จะเป็นเหมือนศูนย์เก็บรักษาทองคำดิจิทัลคล้ายกับ ‘ฟอร์ต น็อกซ์(Fort Knox)’"
แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะดำเนินนโยบายคริปโตอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น แต่แซกส์ยืนยันว่า "ขณะนี้ยังไม่มีแผนซื้อบิตคอยน์เพิ่ม รวมถึงไม่มีแผนซื้อสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อย่างอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP)" พร้อมระบุว่าสิ่งนี้สอดคล้องกับจุดยืนที่ทรัมป์เคยประกาศไว้ต่อสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการประกาศนี้จะดูเหมือนเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาดคริปโต แต่ปฏิกิริยาของตลาดกลับเป็นไปในทางลบ หลังการแถลงการณ์ มูลค่าตลาดคริปโตรวมลดลงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.3 ล้านล้านบาท ทำให้มูลค่าตลาดโดยรวมลดลงต่ำกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ บิตคอยน์ร่วงลง 5,000 ดอลลาร์ในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว สู่ระดับ 85,000 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาที่ 87,000 ดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียมลดลง 5% อยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์ ส่วนโซลานา, ริปเปิล และคาร์ดาโน(ADA) ต่างเผชิญการปรับฐานรุนแรงที่ 8%, 7% และ 10% ตามลำดับ
ผู้เชี่ยวชาญมองว่ามาตรการครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณบวกในระยะยาว เนื่องจากสะท้อนถึงการเข้ามามีบทบาทของรัฐบาลสหรัฐฯ ในตลาดคริปโต แต่ในระยะสั้น ความไม่แน่นอนยังคงสูง ทำให้ตลาดอยู่ในช่วงการปรับฐาน นักลงทุนต่างจับตาดูทิศทางการดำเนินงานในทางปฏิบัติของคำสั่งบริหารฉบับนี้และนโยบายต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0