เมื่อ 5 ปีก่อน มายโครสเตรทิจี(MicroStrategy) ตัดสินใจลงทุนในบิตคอยน์(BTC) ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเรื่องใหม่และเสี่ยงสำหรับบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้ได้พิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของมาร์ค เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่นำมายโครสเตรทิจีเข้าสู่เส้นทางใหม่ของการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล
ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2020 บริษัทได้เริ่มต้นกลยุทธ์ด้วยการซื้อบิตคอยน์จำนวน 21,454 BTC คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,475 ล้านบาท) ภายใต้แนวคิดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการจัดสรรเงินทุนขององค์กร จากจุดนั้น บริษัทได้ลงทุนรวมกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64,000 ล้านบาท) เพื่อถือครองบิตคอยน์จำนวนรวม 152,800 BTC ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาบริษัททั่วโลกทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียน
การดำเนินการเชิงรุกเช่นนี้ไม่เพียงมีผลในเชิงการเงิน แต่ยังสะท้อนจุดเปลี่ยนสำคัญในวงการคริปโตเคอร์เรนซี ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเชิงกฎระเบียบระหว่างช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ บริษัทกลับสามารถฝ่าความผันผวนและประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น โดยราคาหุ้นของมายโครสเตรทิจีเพิ่มขึ้นกว่า *2,595%* ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากระดับราว *15 ดอลลาร์สหรัฐฯ* ในปี 2020 สู่ระดับ *395 ดอลลาร์สหรัฐฯ* ณ ปัจจุบัน (คิดเป็นประมาณ 549,000 บาท)
*ความคิดเห็น*: ความสำเร็จของมายโครสเตรทิจีมีอิทธิพลสูงในแวดวงทุน และถูกมองว่าเป็นต้นแบบใหม่ของการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว กลยุทธ์ “การจัดสรรทุนด้วยบิตคอยน์” ที่มาร์ค เซย์เลอร์บัญญัติขึ้นกำลังถูกยอมรับว่าเป็นมากกว่าการลงทุน แต่เป็นรูปแบบใหม่ของกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม บริษัทได้เฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีของการเริ่มต้นกลยุทธ์ดังกล่าวผ่านบัญชี X (ชื่อเดิมคือ ทวิตเตอร์) อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าแนวทางนี้คือจุดยืนที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของบิตคอยน์ แม้สินทรัพย์ดิจิทัลจะยังเป็นประเด็นถกเถียงอย่างต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของมายโครสเตรทิจีชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ ‘บิตคอยน์’ ในฐานะมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดการสินทรัพย์องค์กร
ความคิดเห็น 0