ประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกในครอบครัวได้เข้าถือครองคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะโทเคน WLFI ของโปรเจกต์เวิลด์ ลิเบอร์ตี้ ไฟแนนเชียล(World Liberty Financial, WLFI) ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงราคาทรุดตัวลง โดยครอบครัวทรัมป์ได้สะสม WLFI ไปแล้วมากถึง ‘ประมาณ 5 ล้านล้านวอน’ (หรือราว 1.6 แสนล้านบาท) จากการปลดล็อกโทเคนในรอบล่าสุด ซึ่งมีเป้าหมายตามแผนขยายการปล่อยโทเคนเข้าสู่ตลาด
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการของเวิลด์ ลิเบอร์ตี้ ไฟแนนเชียล DT Marks DEFI LLC ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับครอบครัวของทรัมป์ ปัจจุบันถือครองโทเคน WLFI จำนวน 22.5 พันล้านโทเคน และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้มีการปลดล็อกเพิ่มอีก 24.6 พันล้านโทเคน ส่งผลให้เข้าสู่ช่วงสำคัญสำหรับเริ่มต้นกระจายโทเคน เนื่องจากจำนวนโทเคนที่ปล่อยออกมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว WLFI จึงเคยพุ่งขึ้นไปแตะ 0.40 ดอลลาร์ (ประมาณ 556 บาท) ก่อนที่จะร่วงลงมาอยู่ที่ราว 0.21 ดอลลาร์ (ประมาณ 292 บาท) ในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ ทีมงานเบื้องหลังโปรเจกต์ WLFI เคยระบุว่าจะทำการ ‘ล็อก’ โทเคนที่ถือโดยทรัมป์และลูกชายทั้งสาม ได้แก่ *โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์, แบร์รอน ทรัมป์ และอีริก ทรัมป์* ในช่วงเริ่มต้นของโครงการ แต่การปลดล็อกล่าสุดทำให้มูลค่ารวมของโทเคนในมือครอบครัวทรัมป์ที่ถืออยู่ มีมูลค่าประมาณ *5 พันล้านดอลลาร์* หรือราว *6.95 แสนล้านบาท* ตามราคาตลาดปัจจุบัน
WLFI เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์ประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยเขาใช้โอกาสนี้โปรโมตคริปโตในชื่อของตนเองอย่าง ‘ออฟฟิเชียล ทรัมป์(TRUMP)’ ซึ่งเป็นมีมคอยน์ และจับมือกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์(BTC) ที่ครอบครัวเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง อย่างไรก็ตาม *ความคิดเห็น* จากแวดวงการเมืองสหรัฐบางส่วนมองว่า การที่โครงการคริปโตมีความเชื่อมโยงทางการเงินกับประธานาธิบดี อาจกลายเป็นเครื่องมือแทรกแซงทิศทางนโยบายของรัฐในอนาคต
นับตั้งแต่ปี 2022 *ทรัมป์ทำรายได้จากวงการคริปโตประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์* หรือราว *3.33 แสนล้านบาท* ซึ่งรวมถึงรายได้จากการซื้อขายกับประเทศอาหรับอย่าง *สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)* มูลค่า 243 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.37 หมื่นล้านบาท) และกำไรจากการถือบิตคอยน์ของ *ทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป* ที่อยู่ที่ราว 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท)
ในส่วนของธุรกิจเหมืองคริปโต ‘อเมริกัน บิตคอยน์(American Bitcoin)’ ซึ่งครอบครัวทรัมป์เข้าเป็นเจ้าของ กำลังจะรวมกิจการกับ ‘กริฟฟอน ดิจิทัล(Gryphon Digital)’ ในวันอังคารนี้ โดยบริษัทใหม่จะจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กภายใต้ชื่อ *ABTC* พร้อมดำเนินการรีเวิร์สสปลิทราคาแบบ 5 หุ้นต่อ 1 หุ้นตามข้อตกลงควบรวม
ความคิดเห็น 0