บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงประมาณ 12% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.72 ล้านบาท) ส่งผลให้ตลาดจับตามองความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยนักวิเคราะห์มองต่างกันว่าการปรับฐานในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปรับตัวตามปกติในตลาดขาขึ้น หรือเป็นสัญญาณเตือนของการเปลี่ยนแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่านี่คือ *การพักฐานที่สุขภาพดี*
บริษัทข้อมูลบล็อกเชนอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่าการปรับตัวลงของราคานี้ไม่ได้สะท้อนถึงโครงสร้างที่มีปัญหาของตลาด แต่เป็น *การปรับเลเวอเรจอย่างเป็นระบบ* โดยบิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวนับตั้งแต่ต้นปี 2024 และตราบใดที่ราคายังคงยืนเหนือแนวรับที่ 109,000 ดอลลาร์ ถึง 110,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.51-1.52 ล้านบาท) โอกาสที่ราคาจะฟื้นตัวมีมากกว่าการปรับตัวลงต่อ
ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ยืนยันแนวโน้มนี้เพิ่มเติม โดยคริปโตควอนต์ชี้ให้เห็นว่า สัญญาเปิดในตลาดฟิวเจอร์สของบิตคอยน์เริ่มฟื้นตัวหลังจากการลดลงในช่วงสั้น และระดับ *Funding Rate* ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ได้ร้อนแรงมากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นสัญญาณ *โมเมนตัมระยะกลางถึงยาว* มากกว่าความปั่นป่วนในระยะสั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับรอบตลาดก่อนหน้านี้ ความเคลื่อนไหวรอบนี้สะท้อนถึง *ตลาดที่มีวุฒิภาวะสูงขึ้น* แตกต่างจากปี 2017 ที่มีแนวโน้มเก็งกำไรจากรายย่อย หรือปี 2021 ที่ปรับขึ้นแรงและร่วงเร็ว รอบปัจจุบันมีการเข้ามาซื้อของนักลงทุนสถาบัน และการไหลเข้าสู่กองทุน ETF แบบสปอตช่วยสร้างความมั่นคง ส่วนการปรับฐานที่นำโดยตลาดอนุพันธ์ อาจกลายเป็น *รูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นบ่อย* ซึ่งระดับการปรับฐาน 10-20% อาจกลายเป็นเรื่องปกติของรอบใหม่
อย่างไรก็ตาม ในภาพระยะยาว นักวิเคราะห์จากคริปโตโปเตโต้(CryptoPotato) เตือนว่า *จุดสูงสุดรอบถัดไปของบิตคอยน์อาจเลื่อนไปถึงปี 2026* ซึ่งแตกต่างจากความคาดหวังเดิมที่คาดว่าจะเกิดในปี 2024-2025 หลังเหตุการณ์การลดรางวัลบล็อก (Halving) โดยปัจจัยอย่างอัตราดอกเบี้ยสูง, โครงสร้างของหนี้ภาคธุรกิจ และสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค อาจเป็นปัจจัยถ่วงเวลา
ราอูล พาล(Raoul Pal) ผู้ก่อตั้งบริษัท Global Macro Investor ให้ความเห็นว่า วัฏจักรของการครบกำหนดชำระหนี้ของบริษัทที่เกิดขึ้นทุก 4-5 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ซึ่งย่อมกระทบต่อราคาของบิตคอยน์ด้วย เขายังชี้ว่าท่ามกลางสภาพคล่องที่จำกัดและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแรง *ทิศทางราคาจะถูกขับเคลื่อนจากเงินทุนของนักลงทุนสถาบันมากกว่ารายย่อย*
สรุปแล้ว การปรับฐานของบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงสร้างตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยที่ระดับแนวรับหลักยังไม่แตก และข้อมูลจากอนุพันธ์ก็อยู่ในกรอบปกติ ตอกย้ำว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้อยู่ในพฤติกรรมของตลาดขาขึ้น อย่างไรก็ดี ความหวังในการสร้าง *จุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้น* อาจลดลง ขณะที่ภาพรวมตลาดกำลังพัฒนาเข้าสู่ *โครงสร้างตลาดที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมการปรับฐานเป็นระยะ* อย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0