ราคาบิตคอยน์(BTC) กลับเข้าสู่ขาลงอีกครั้ง ส่งแรงกดดันต่อเนื่องให้ตลาดเกิด *ภาวะเทขายรุนแรง* โดยมีการบังคับปิดโพสิชันมากกว่า 140,000 รายการ ภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้มูลค่าการล้างโพสิชันโดยรวมทะลุ 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 46,300 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น) ตลาดคริปโตแม้จะมีข่าวบวกจาก *ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)* ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และการพบปะระหว่าง *ประธานาธิบดีทรัมป์* กับสี จิ้นผิง ผู้นำจีน แต่ราคาบิตคอยน์กลับร่วงลงจาก 112,000 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 107,500 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของสัปดาห์ ด้านอีเธอเรียม(ETH) และริปเปิล(XRP) ก็ปรับตัวลดลงเฉลี่ย 5-6% เช่นกัน
แหล่งข้อมูลจาก *CoinGlass* ระบุว่า ปริมาณการบังคับล้างโพสิชันรวมสูงถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ โดย 974 ล้านดอลลาร์ในจำนวนนี้เป็น *โพสิชัน Long* ที่ถูกยกเลิก นักเทรดที่ต้องออกจากตลาดมีมากถึง 210,000 รายในวันเดียว
ก่อนหน้านี้ ความคาดหวังต่อเดือนตุลาคมซึ่งถูกขนานนามว่า *‘Uptober’* ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์เชิงบวกในตลาดคริปโต หลังราคาบิตคอยน์ทำจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคากลับปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 116,000 ดอลลาร์ได้ในการทดสอบสองครั้งที่ผ่านมา แม้จะมีประกาศลดดอกเบี้ยหรือข่าวดีจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ก็ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ราคาที่ร่วงลงไม่จำกัดเฉพาะเหรียญหลัก บรรดาอัล트คอยน์ขนาดกลางและเล็กก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน โดยอีเธอเรียมร่วงผ่านแนวรับที่ 3,800 ดอลลาร์ ขณะที่ริปเปิลลดลงสู่ระดับ 2.45 ดอลลาร์ ด้านเหรียญแฮชนีต(HASH), แอสเตอร์(ASTER), คาสปา(KAS) และไพคอยน์(PI) ปรับตัวลดลง 22%, 13%, 11% และ 10.5% ตามลำดับ
*ความคิดเห็น*: การปรับฐานรอบนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะ ‘ซื้อมากเกินไป’ และการใช้เลเวอเรจสูงในตลาด โดยเฉพาะกระแสการลงทุนที่คาดหวังแรงฟื้นตัวหลังข่าวดี ถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นการเทขายทันทีหลังประกาศออกมา ทำให้การร่วงลงทวีความหนักหน่วงขึ้น การฟื้นตัวด้านจิตวิทยานักลงทุนอาจต้องใช้เวลา และทิศทางตลาดในอนาคตจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงระดับการไหลเข้าของเงินทุนใหม่อีกด้วย
ความคิดเห็น 0