บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับการปรับฐานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมต่างวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของการลดลงเพิ่มเติมและช่วงเวลาที่ตลาดอาจฟื้นตัวอีกครั้ง โดยบิตคอยน์แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 108,786 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม ก่อนจะร่วงลงสู่ 76,784 ดอลลาร์ ในวันที่ 11 มีนาคม คิดเป็นการปรับฐาน 29% ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในตลาดขาขึ้นก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ด้านคริปโต ‘Rekt Capital’ ชี้ว่าในรอบตลาดกระทิงที่ผ่านมา บิตคอยน์มีการปรับตัวลงเฉลี่ย 35-37% ดังนั้น ยังมีโอกาสที่ราคาจะลดลงไปสู่ระดับ 70,000 ดอลลาร์ ขณะที่อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์(BitMEX) ย้ำว่า มีโอกาสสูงที่บิตคอยน์จะสร้างฐานที่ระดับ 70,000 ดอลลาร์ โดยมองว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปรับฐานตามปกติในตลาดขาขึ้น นอกจากนี้ เขายังระบุว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อธนาคารกลางมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
ด้านชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดส์(Charles Edwards) ผู้ก่อตั้งคาปริโอล ฟันด์(Capriole Fund) เสริมว่า หากภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อบิตคอยน์ พร้อมแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการ "พยายามจับมีดที่กำลังร่วง" และควรรอให้ตลาดมีการฟื้นตัวทางเทคนิคที่แข็งแกร่งหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายก่อนตัดสินใจลงทุน
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญกับแรงกดดัน โดยดัชนี S&P 500, แนสแด็ก และดาวโจนส์ ต่างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม ‘Magnificent 7’ ซึ่งสูญเสียมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 750,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.09 ล้านล้านบาท) ภายในวันเดียว ทางด้านเจพีมอร์แกน(JP Morgan) เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2025 และได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP
แคธี วูด(Cathie Wood) ซีอีโอของอาร์ก อินเวสต์(ARK Invest) วิเคราะห์ว่า ตลาดกำลังสะท้อนถึงช่วงสุดท้ายของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้รัฐบาลภายใต้ ‘ทรัมป์’ และธนาคารกลางสหรัฐเร่งดำเนินนโยบายครั้งใหญ่กว่าที่คาด ส่งผลให้ความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดคริปโตในช่วงครึ่งหลังของปีนี้สูงขึ้น
ความคิดเห็น 0