ตลาดการเงินเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ มูลค่าสินทรัพย์หลายล้านล้านบาทหายวับไป นับเป็นการร่วงลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายที่เกิดจากโรคระบาดในปี 2020 การร่วงลงครั้งนี้ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนอย่างหนัก โดยเฉพาะ ‘ตลาดคริปโต’ ที่ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่
เบื้องหลังการร่วงลงครั้งนี้เกิดจาก ‘ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ’ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และความวิตกกังวลของนักลงทุน ดัชนีแนสแด็กบันทึกการร่วงลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ขณะที่ ‘บิตคอยน์(BTC)’ เคลื่อนตัวลงไปแตะระดับ 76,000 ดอลลาร์ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ร่วงต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลอย่างหนัก
โรเบิร์ต คิโยซากิ(Robert Kiyosaki) ผู้เขียนหนังสือ ‘พ่อรวยสอนลูก’ ชี้ว่า วิกฤตทางการเงินที่เขาเคยเตือนไว้ล่วงหน้านั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว เขาวิพากษ์วิจารณ์โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาหนี้สิน และกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” พร้อมย้ำให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ทองคำ เงิน และบิตคอยน์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการล่มสลายของระบบการเงิน
ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการปรับฐานในรอบนี้อาจเป็นเพียงการพักฐานระยะสั้น ซึ่งอาจกลับตัวขึ้นได้หากสภาพตลาดเอื้ออำนวย และเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม ‘เจคอบ คิง(Jacob King)’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดคริปโต เตือนว่าตลาดยังคงมีช่องโหว่ในการถูกควบคุมราคา และปริมาณการซื้อขายที่เกินจริงเป็นปัญหาสำคัญ เขากล่าวว่า “หากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงการควบคุมราคาที่เกิดขึ้นจริง การร่วงลงที่หนักกว่านี้อาจตามมา”
โดยรวมแล้ว ทิศทางของตลาดในอนาคตขึ้นอยู่กับ ‘ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ’ นโยบายการเงิน และการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้ว่าหลายคนจะมองว่านี่อาจเป็น ‘โอกาสในการเข้าซื้อ’ ในราคาต่ำ แต่ก็มีไม่น้อยที่กังวลว่าการลดลงอาจยังไม่จบสิ้น ว่าบิตคอยน์และตลาดหุ้นจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของตลาดและนโยบายที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ความคิดเห็น 0